ผ่านไปแล้วสำหรับรอบผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 3/2567 โดยกลุ่มธนาคารจะเป็นกลุ่มแรกที่ประกาศผลประกอบการ ดังนั้นทีมข่าว Share2Trade จะพานักลงทุนมาส่องแนวโน้มไตรมาส 3/67 ของหุ้นกลุ่มนี้ ว่าจะมีความน่าสนใจหรือไม่?
หากอิงมุมมองนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) มีความเห็นว่า คาดธนาคารที่ศึกษาจะรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/67 ที่ 5.22 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะการเพิ่มขึ้นของเงินลงทุน (FVTPL) ขณะที่กำไรลดลง 3% จากไตรมาสก่อน เพราะ ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น สินเชื่อรวมลดลง 0.8% และ รายได้ค่าธรรมเนียม-บริการลดลง
โดยคาดธนาคารที่รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/67 เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อน คือ TTB สำหรับธนาคารที่รายงานกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ลดลงจากไตรมาสก่อน คือ BBL, KBANK ,KTB และ SCB
ด้านธนาคารที่คาดรายงานกำไรสุทธิลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น จากไตรมาสก่อน คือ KKP ส่วนธนาคารที่คาดรายงานกำไรสุทธิลดลง จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อน คือ TISCO ดังนั้นทางพื้นฐานชื่นชอบ KBANK และ KTB
เปิดปัจจัยพื้นฐานรายบริษัท
SCB นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาด SCB จะมีกำไรไตรมาส 3/67 ที่ 1.11 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 11.1% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อและการตั้งสำรองที่คาดว่าจะลดลง โดยอาจจะเป็นธนาคารเดียวที่สินเชื่อไตรมาส 3/67เติบโต แนะนำ “ซื้อ” ปรับไปใช้ราคาพื้นฐานปี 68 ที่ 121 บาท
ส่วน KBANK นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) คาดไตรมาส 3/67 จะมีกำไรสุทธิ 1.21 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะ การเพิ่มขึ้นของเงินลงทุน (FVTPL) และการลดลงของค่าใช้จ่ายสำรอง (ECL) แต่ลดลง 4% จากไตรมาสก่อน เพราะการเพิ่มขึ้นของต้นทุนทางการเงิน และการลดลงของรายได้ที่ไม่ใช่ ดอกเบี้ย (Non-NII) แนะนำ “ซื้อ” ปรับราคาเป้าหมายเพิ่มเป็น 180 บาท เดิม 155 บาท
BBL นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) คาดไตรมาส 3/67 BBL รายงานกำไรสุทธิ 1.15 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะ รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย (Non-NII) เพิ่มขึ้น 23% จากเงินลงทุน (FVTPL) ขณะที่กำไรลดลง 3% จากไตรมาสก่อน จากรายได้ดอกเบี้ย (NII) ลดลง -1% จากการ repricing fixed deposit และสินเชื่อลดลง คงคำแนะนำ “ถือ” แต่ปรับราคาเป้าหมายเป็น 150 บาท เดิม 135 บาท
ต่อที่ KTB นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) คาดกำไรสุทธิในไตรมาส 3/67 ที่ 1.05 หมื่นล้านบาท เติบโต 2.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 6.1% จากไตรมาสก่อน โดยกำไรที่ขยายตัวเนื่องจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น และรายได้ค่าธรรมเนียมปรับสูงขึ้นอานิสงค์จากการฟื้นตัวของภาวะการลงทุน และสินเชื่อขยายตัว ส่วนกำไรที่ลดลง เนื่องจากค่าใช้จ่ายการดำเนินงานปรับสูงขึ้น ซึ่งเป็นปกติที่ค่าใช้จ่ายการดำเนินงานจะเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 67 ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” จากปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง และปรับมูลค่าพื้นฐานเป็น 24 บาท จาก 20 บาท
TTB นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) คาดกำไรสุทธิในไตรมาส 3/67 ที่ 5.1 พันล้านบาท เติบโต8.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 3.9% จากไตรมาสก่อน โดยกำไรที่ขยายตัวเนื่องจากผลประโยชน์ทางภาษีเป็นหลักหลังจากที่ TTB ยังมีค่าใช้จ่ายภาษีตามปกติในไตรมาส 3/66 ซึ่งสมมติฐานผลประโยชน์ภาษีที่ 9% ของกำไรก่อนภาษี เทียบกับที่มีอัตราภาษีจ่าย 19.3% ในไตรมาส 2/66 เทียบกับในไตรมาส 2/67
ขณะที่กำไรสุทธิจะลดลง เพราะรายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลงจากสินเชื่อลดลง และ NIM ปรับลดลงที่ 3.2% ปรับลดคำแนะนำเป็น “ถือ” จาก “ซื้อ” ด้วยมูลค่าพื้นฐานใหม่ 2.10 บาท (เดิม 1.95 บาท)
TISCO นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาด TISCO จะมีกำไรไตรมาส 3/67 67 ที่ 1.7 พันล้านบาท ลดลง 7%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้นมาก จากปีก่อนที่ยังมีการกลับสำรองอยู่ แต่ในปีนี้มีการตั้งสำรองตามปกติ และคาดว่ากำไรจะลดลง 0.4% จากไตรมาสก่อน จากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น แนะนำ “ทยอยซื้อ” ปรับไปใช้ราคาพื้นฐานปี 68 ที่ 101 บาท โดยคาดว่าปี 67 จะมีการจ่ายปันผล 7.35 บาท/หุ้น คิดเป็นDiv.yield 7.7%
KKP นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาด KKP จะมีกำไรไตรมาส 3/67 ที่ 1.8 พันล้านบาทเพิ่มขึ้นมากถึง 38.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 130% จากไตรมาสก่อน เพราะคาดว่าการตั้งสำรองและผลขาดทุนจากการขายรถยึดจะลดลง ถึงแม้ว่าทางด้านรายได้ดอกเบี้ยอาจจะลดลงจากสินเชื่อที่หดตัวและค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แนะนำ “ทยอยซื้อ” ยังคงราคาพื้นฐาน 54 บาท
ส่วน BAY และ CREDIT ยังไม่มีคาดการณ์แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 3/2567 จากนักวิเคราะห์
หากอิงมุมมองนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) มีความเห็นว่า คาดธนาคารที่ศึกษาจะรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/67 ที่ 5.22 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะการเพิ่มขึ้นของเงินลงทุน (FVTPL) ขณะที่กำไรลดลง 3% จากไตรมาสก่อน เพราะ ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น สินเชื่อรวมลดลง 0.8% และ รายได้ค่าธรรมเนียม-บริการลดลง
โดยคาดธนาคารที่รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/67 เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อน คือ TTB สำหรับธนาคารที่รายงานกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ลดลงจากไตรมาสก่อน คือ BBL, KBANK ,KTB และ SCB
ด้านธนาคารที่คาดรายงานกำไรสุทธิลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น จากไตรมาสก่อน คือ KKP ส่วนธนาคารที่คาดรายงานกำไรสุทธิลดลง จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อน คือ TISCO ดังนั้นทางพื้นฐานชื่นชอบ KBANK และ KTB
เปิดปัจจัยพื้นฐานรายบริษัท
SCB นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาด SCB จะมีกำไรไตรมาส 3/67 ที่ 1.11 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 11.1% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อและการตั้งสำรองที่คาดว่าจะลดลง โดยอาจจะเป็นธนาคารเดียวที่สินเชื่อไตรมาส 3/67เติบโต แนะนำ “ซื้อ” ปรับไปใช้ราคาพื้นฐานปี 68 ที่ 121 บาท
ส่วน KBANK นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) คาดไตรมาส 3/67 จะมีกำไรสุทธิ 1.21 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะ การเพิ่มขึ้นของเงินลงทุน (FVTPL) และการลดลงของค่าใช้จ่ายสำรอง (ECL) แต่ลดลง 4% จากไตรมาสก่อน เพราะการเพิ่มขึ้นของต้นทุนทางการเงิน และการลดลงของรายได้ที่ไม่ใช่ ดอกเบี้ย (Non-NII) แนะนำ “ซื้อ” ปรับราคาเป้าหมายเพิ่มเป็น 180 บาท เดิม 155 บาท
BBL นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) คาดไตรมาส 3/67 BBL รายงานกำไรสุทธิ 1.15 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะ รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย (Non-NII) เพิ่มขึ้น 23% จากเงินลงทุน (FVTPL) ขณะที่กำไรลดลง 3% จากไตรมาสก่อน จากรายได้ดอกเบี้ย (NII) ลดลง -1% จากการ repricing fixed deposit และสินเชื่อลดลง คงคำแนะนำ “ถือ” แต่ปรับราคาเป้าหมายเป็น 150 บาท เดิม 135 บาท
ต่อที่ KTB นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) คาดกำไรสุทธิในไตรมาส 3/67 ที่ 1.05 หมื่นล้านบาท เติบโต 2.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 6.1% จากไตรมาสก่อน โดยกำไรที่ขยายตัวเนื่องจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น และรายได้ค่าธรรมเนียมปรับสูงขึ้นอานิสงค์จากการฟื้นตัวของภาวะการลงทุน และสินเชื่อขยายตัว ส่วนกำไรที่ลดลง เนื่องจากค่าใช้จ่ายการดำเนินงานปรับสูงขึ้น ซึ่งเป็นปกติที่ค่าใช้จ่ายการดำเนินงานจะเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 67 ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” จากปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง และปรับมูลค่าพื้นฐานเป็น 24 บาท จาก 20 บาท
TTB นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) คาดกำไรสุทธิในไตรมาส 3/67 ที่ 5.1 พันล้านบาท เติบโต8.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 3.9% จากไตรมาสก่อน โดยกำไรที่ขยายตัวเนื่องจากผลประโยชน์ทางภาษีเป็นหลักหลังจากที่ TTB ยังมีค่าใช้จ่ายภาษีตามปกติในไตรมาส 3/66 ซึ่งสมมติฐานผลประโยชน์ภาษีที่ 9% ของกำไรก่อนภาษี เทียบกับที่มีอัตราภาษีจ่าย 19.3% ในไตรมาส 2/66 เทียบกับในไตรมาส 2/67
ขณะที่กำไรสุทธิจะลดลง เพราะรายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลงจากสินเชื่อลดลง และ NIM ปรับลดลงที่ 3.2% ปรับลดคำแนะนำเป็น “ถือ” จาก “ซื้อ” ด้วยมูลค่าพื้นฐานใหม่ 2.10 บาท (เดิม 1.95 บาท)
TISCO นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาด TISCO จะมีกำไรไตรมาส 3/67 67 ที่ 1.7 พันล้านบาท ลดลง 7%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้นมาก จากปีก่อนที่ยังมีการกลับสำรองอยู่ แต่ในปีนี้มีการตั้งสำรองตามปกติ และคาดว่ากำไรจะลดลง 0.4% จากไตรมาสก่อน จากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น แนะนำ “ทยอยซื้อ” ปรับไปใช้ราคาพื้นฐานปี 68 ที่ 101 บาท โดยคาดว่าปี 67 จะมีการจ่ายปันผล 7.35 บาท/หุ้น คิดเป็นDiv.yield 7.7%
KKP นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาด KKP จะมีกำไรไตรมาส 3/67 ที่ 1.8 พันล้านบาทเพิ่มขึ้นมากถึง 38.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 130% จากไตรมาสก่อน เพราะคาดว่าการตั้งสำรองและผลขาดทุนจากการขายรถยึดจะลดลง ถึงแม้ว่าทางด้านรายได้ดอกเบี้ยอาจจะลดลงจากสินเชื่อที่หดตัวและค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แนะนำ “ทยอยซื้อ” ยังคงราคาพื้นฐาน 54 บาท
ส่วน BAY และ CREDIT ยังไม่มีคาดการณ์แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 3/2567 จากนักวิเคราะห์