SCB จบดีลขาย “โรบินฮู้ด” โบรกฯมองตั้งด้อยค่าเหลือ 600 ล้านบาท หนุนอัพไซด์กำไรปี 67 เพิ่ม 1%
จากกรณี SCB ปิดดีลขาย Robinhood โดย ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัท เมื่อวันที ่ 30 สิงหาคม 2567 ได้มีมติอนุมัติให้บริษัทขายหุ้นทั้งหมดในบริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด (PPV) ผู้ให้บริการแอปพลิเคชัน Robinhood ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้นทางตรงในสัดส่วน 100%
ทั้งนี้บริษัทได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้น กับกลุ่มผู้ลงทุนซึ่งนำโดยบริษัท ยิบอินซอย จำกัด เพื่อขายหุ้นทั้งหมด ที่บริษัทถืออยู่ใน PPV เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2567 มีมูลค่ารวมสูงสุด 2,000 ล้านบาท ประกอบด้วย มูลค่าเบื้องต้นชำระทันที 400 ล้านบาท และส่วนเพิ่มตามผลประกอบการสูงสุดไม่เกิน 1,600 ล้านบาท
สำหรับกลุ่มผู้ลงทุน ประกอบด้วย 1. กลุ่มยิบอินซอย 50% (บริษัท ยิบอินซอย จำกัด ที่ 30% และ บริษัท มีศิริ จำกัด ที่ 20% )
2. บริษัท บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (BTC) ที่ 30% 3. บริษัท เอสซีที เรนทอล คาร์ จำกัด ที่ 10% และ 4. บริษัท ล็อกซ์บิท จำกัด (มหาชน) ที่ 10%
จากประเด็นดังกล่าว นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มองเป็นบวกเล็กน้อย โดยประเมินว่า SCB จะมีการบันทึกด้อยค่า (impairment loss) ที่ลดลงในไตรมาส 3/67 จากเดิมที่ -1,000 ล้านบาท เหลือที่ -600 ล้านบาท เพราะได้เงินจากการปิดดีลขาย Robinhood ทันทีที่ 400 ล้านบาท (คิดเป็น upside ต่อประมาณการกำไรสุทธิปี 67 ที่ +1%)
ขณะที่ส่วนต่างอีก 1,600 ล้านบาท (มูลค่ารวมสูงสุด 2,000 ล้านบาท) ถือว่าเป็นสัญญา Management Agreement จะรับรู้เป็นกำไรให้กับ SCB ได้ก็ต่อเมื่อ Robinhood มีกำไร
โดยฝ่ายวิจัยไม่ทราบว่ากำไร 1,600 ล้านบาท บริษัทที่ซื้อไปจะต้องจ่ายให้ SCB ภายในกี่ปี และไม่ทราบว่าสัดส่วนการแบ่งกำไรให้กับ SCB เป็นเท่าไร
อย่างไรก็ดี ตั้งแต่ไตรมาส 4/67 เป็นต้นไป ทาง SCB ไม่ต้องแบกผลขาดทุนจาก Robinhood อีกต่อไป (ปี 2566มีผลขาดทุนสุทธิราว -2.2 พันล้านบาท) ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกในระยะยาว
ดังนั้นคงประมาณการกำไรสุทธิปี 67 ที่ 3.96 หมื่นล้านบาท ลดลง 9% จากปีก่อนจากการตั้งสำรองฯและ OPEX ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่คาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/67 จะเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะสำรองฯที่ลดลง แต่จะทรงตัวจากไตรมาสก่อน เพราะมีขาย Robinhood ได้เงินทันทีที่ 400 ล้านบาท ขณะที่ NPL ยังอยู่ในทิศทางขาขึ้นจากสินเชื่อรายย่อย แนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 110.00 บาท
ด้านนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มีความเห็นว่า มีมุมมองเป็นกลางต่อประเด็นดังกล่าว เดิม SCB มีแผนที่จะเลิกให้บริการ Robinhood ตั้งแต่ไตรมาส 2/67 และได้ตั้งด้อยค่าในกรณีดังกล่าวไปแล้ว 797 ล้านบาท ซึ่งผู้บริหารประเมินว่ายังเหลือส่วนที่จะมีการตั้งด้อยค่าอีกราว 1,000 ล้านบาท ในช่วงครึ่งหลังปี 67
ทั้งนี้การขายหุ้นของ PPV ให้กับผู้สนใจรายอื่นจะส่งผลบวกดังนี้ 1. ช่วยลดผลกระทบจากการตั้งด้อยค่าให้ลดต่ำลง ขั้นต่ำคือ 400 ล้านบาท ที่จะได้รับชำระทันที และมีโอกาสได้รับผลตอบแทนเพิ่มเติมหากผลงานของ PPV ดีขึ้น
2. ในไตรมาส 3/67 บริษัทได้ เริ่มลดค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการขายต่างๆ ของ Robinhood ลง แต่บางส่วนจะมีค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างองค์กรเข้ามาแทน และ 30 นับตั้งแต่ไตรมาส 4/67 เป็นต้นไป SCB จะไม่มีการบันทึกค่าใช้จ่ายและขาดทุนจาก PPV ซึ่งปกติจะสร้างผลขาดทุนราว ไตรมาสละ 500 ล้านบาท แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 125 บาท