รายงานพิเศษ : TIDLOR รับอานิสงส์ดอกเบี้ยขาลง ต้นทุนทางการเงินปรับลด
บมจ.เงินติดล้อ (TIDLOR) หนึ่งในหุ้นแนะนำของโบรกเกอร์ที่ได้รับผลดีจากทิศทางดอกเบี้ยที่ปรับลดลง หนุนส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM) เพิ่มขึ้น ส่งผลดีให้กำไรเติบโตแข็งแกร่ง
ทิศทางอัตราดอกเบี้ยในตลาดโลกและในประเทศไทย กำลังเข้าสู่ช่วงของดอกเบี้ยขาลง ซึ่งสะท้อนจากการประเทศยักษใหญ่ที่ได้ปรับลดดอกเบี้ยแล้ว ทั้งสหรัฐฯ ญี่ปุ่น ยุโรป ทำให้เป็นแรงกดดันต่อการดำเนินนโยบายการเงินของไทย ซึ่งแวดวงเศรษฐกิจเชื่อว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(กนง.) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างน้อย 1 ครั้งภายในปี 2567 นี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไทย
บล.บัวหลวง คาด กนง. อาจลดดอกเบี้ยตามหลังสหรัฐฯ ในช่วงไตรมาส 4/67 โดยคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) รวม 3 ครั้งในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยลดลงราว 0.75% เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐเติบโตชะลอลง และในปี 68 มีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยลงต่อขณะที่อัตราการว่างงานของสหรัฐค่อยๆ สูงขึ้น
ซึ่งหุ้นที่ได้ประโยชน์จากทิศทางดอกเบี้ยขาลงหนีไม่พ้น บริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อ ที่จะมีต้นทุนทางการเงินลดลง ทำให้โอกาสในการปล่อยสินเชื่อมีมากขึ้นจากกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น รวมถึงหุ้น บมจ.เงินติดล้อ (TIDLOR) ที่ทำธุรกิจให้บริการสินเชื่อ ให้บริการเช่าซื้อ และให้บริการนายหน้าประกันวินาศภัย นายหน้าประกันชีวิต และบริการที่เกี่ยวเนี่องอื่น ๆ
สอดคล้องกับ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) มองหุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากทิศทางดอกเบี้ยขาลง ได้แก่ กลุ่มที่จะได้อานิสงส์จากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ลดลง เช่น GPSC, AAV, SAWAD และ TIDLOR
บล.เคจีไอยังคาดการณ์ว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะเริ่มลดดอกเบี้ยในช่วงต้นปี 68 และปี 2568 กนง.น่าจะปรับลดดอกเบี้ยลงประมาณ 1% เนื่องจาก GDP ของไทยมีแนวโน้มจะเร่งตัวขึ้นใน H2/67 จากผลของฐานที่ต่ำและ จากมาตรการกระตุ้นการบริโภค แต่ไม่คิดว่า กนง.จะลดดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้
บล.คิงส์ฟอร์ด แนะนำทยอยซื้อกลุ่มไฟแนนท์ SAWAD,MTC,TIDLOR,KTC,AEONTS ซึ่งมองว่าได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง
บล.หยวนต้า มองหุ้น TIDLOR และ SAWAD ในกลุ่ม Finance ได้ประโยชน์โดยตรงเมื่อดอกเบี้ยเข้าสู่ทิศทางของการขยับลง เนื่องจากจะส่งผลบวกทั้งต่อส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM) ให้เพิ่มขึ้น, ความสามารถในการระดมทุนดีขึ้นจากสภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และกำไรจะกลับเข้าสู่การฟื้นตัว
ส่วนมุมมอง นายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ TIDLOR เชื่อว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯในช่วงเวลาที่ผ่านมา นอกจากธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันมียอดสินเชื่อคงค้างมากกว่า 100,000 ล้านบาท
และถือเป็นผู้นำในธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถแล้ว บริษัทฯ ยังมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจนายหน้าประกัน ภายใต้เจตนารมณ์ในการส่งเสริมให้ประชาชนสามารถเข้าถึงความคุ้มครองด้านประกันภัยได้เพิ่มขึ้น จึงได้บุกเบิกธุรกิจในรูปแบบบริการผ่อนเบี้ยประกันรถยนต์ด้วยเงินสด 0%
ซึ่งในเวลาต่อมาเป็นสิ่งที่ประชาชนรับรู้ถึงประโยชน์และเกิดเป็นความต้องการ กระทั่งปัจจุบันกลายเป็นหนึ่งในมาตรฐานและบริการที่ธุรกิจนายหน้าประกันทั่วไป หันมานำเสนอบริการในรูปแบบดังกล่าวให้กับลูกค้าของตัวเองในวงกว้าง
ทั้งนี้ ภาพรวมการดำเนินธุรกิจนายหน้าประกันของบริษัทฯ มีสัดส่วนธุรกรรมจากลูกค้าที่ซื้อประกันสูงกว่าการขอสินเชื่อราว 3 เท่า และ 9ใน10 ของกรมธรรม์ที่ขายเป็นการขายให้แก่ลูกค้าที่เจาะจงเข้ามาซื้อประกันโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นลูกค้าคนละกลุ่มกับลูกค้าสินเชื่อ สะท้อนถึงความสำเร็จในการสร้างการรับรู้ด้านแบรนด์ธุรกิจนายหน้าประกันของบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง
โดยในช่วง6 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัยของบริษัทฯ มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสูงถึง 47.3%ต่อปี ซึ่งสูงกว่าภาพรวมอุตสาหกรรมธุรกิจประกันวินาศภัยที่เติบโตเฉลี่ยเพียง 4.5%ต่อปี หรือเปรียบได้ว่าภาพรวมธุรกิจนายหน้าประกันของบริษัทฯ เติบโตมากกว่าภาพรวมตลาดถึง10 เท่า สะท้อนถึงความแข็งแกร่งและศักยภาพการดำเนินธุรกิจนายหน้าประกันของบริษัทฯ ในช่วงที่ผ่านมาได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้การดำเนินธุรกิจของ TIDLOR ที่นอกจากการปล่อยสินเชื่อแล้ว ยังกระจายความเสี่ยงโดยการเน้นธุรกิจประกันวินาศภัยที่ยังมีช่องทางการเติบโตได้อีกมาก