ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม 5% หลังคำสัมภาษณ์ของไบเดน ไม่ปิดโอกาสที่อิสราเอลจะโจมตีแหล่งขุดเจาะน้ำมันดิบของอิหร่าน

วันที่ 4 ตุลาคม 2567 หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ระบุว่า ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นกว่า 5% หลังนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ ตอบสัมภาษณ์สื่อถึงท่าทีของสหรัฐในการสนับสนุนอิสราเอลว่า กระทรวงกลาโหมของสหรัฐยังหารือถึงแนวทางต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงความเป็นไปได้ในการสนับสนุนอิสราเอลโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน ซึ่งรวมถึงแหล่งผลิตน้ำมันดิบของอิหร่าน และอาจส่งผลให้อิหร่านตอบโต้ผ่านการปิดช่องแคบฮอร์มุซ และใช้กลุ่มติดอาวุธซึ่งหนุนหลังโดยอิหร่านเข้าโจมตีซาอุดีอาระเบียด้วย



บริษัทน้ำมันแห่งชาติของลิเบียกล่าว่า ขณะนี้แหล่งขุดเจาะน้ำมันทุกแห่งของลิเบียสามารถกลับมาดำเนินการได้ตามปกติแล้ว ส่งผลให้กำลังการผลิตน้ำมันดิบภายในประเทศจะกลับมาอยู่ที่ระดับ 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากก่อนหน้านี้ซึ่งอยู่ที่ระดับราว 0.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน หลังได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบภายในประเทศ

ตลาดจับตาตัวเลขที่สำคัญในภาคแรงงานซึ่งกำลังจะประกาศอันได้แก่ อัตราการว่างงาน ซึ่งคาดว่าจะทรงตัวอยู่ที่ระดับ 2.4% และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 148,000 ตำแหน่ง มากกว่าเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 142,000 ตัวเลขดังกล่าวล้วนมีความสำคัญต่อทิศทางของเศรษฐกิจสหรัฐ และการตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐในช่วงที่เหลือของปีนี้

ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซินปรับเพิ่มขึ้นสวนทางราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังความต้องการใช้น้ำมันเบนซินของไต้หวันปรับเพิ่มขึ้น 3.6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้ามาอยู่ที่ระดับ 0.16 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเดือน ส.ค. 67 อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากตัวเลขการส่งออกน้ำมันเบนซินของสหรัฐที่ปรับเพิ่มสูงขึ้น 14% มาอยู่ที่ระดับ 0.96 ล้านบาร์เรลต่อวัน สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 27 ก.ย. 67

ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลปรับลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังความต้องการใช้น้ำมันดีเซลของไต้หวันปรับลดลง 6.3% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ระดับ 0.11 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเดือน ส.ค.67 อย่างไรก็ตาม ตลาดยังจับอย่างใกล้ชิดต่อผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันสำเร็จรูปในภูมิภาคหากอิสราเอลมีการตอบโต้ต่ออิหร่าน

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.prachachat.net/economy/news-1667198?utm_source=msn_news&utm_medium=footer_click