Wealth Sharing
B ตั้งเป้าปีนี้รายได้เติบโต15% ชี้ธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์มีแนวโน้มสดใส
02 มีนาคม 2566
ดร.ปัญญา บุญญาภิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บี จิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ B เปิดเผยว่า จากงบการเงินรวมปี 2565 ของบริษัทและบริษัทย่อย B สามารถล้างขาดทุนสะสมได้ทั้งหมดจากปี 2564 ที่มีตัวเลขขาดทุนสะสมอยู่ที่ 53.9 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นทิศทางที่ดี บริษัทสามารถพลิกกลับมาแข็งแกร่งและมีความพร้อมในการแข่งขัน โดยแนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้ มั่นใจว่าผลประกอบการจะมีกำไรต่อเนื่อง จากปี 2565 ที่รายงานผลประกอบการบริษัทและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิ 67.63 ล้านบาท ซึ่งกำไรลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เนื่องจากกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมลดลง ขณะที่มีรายได้รวม 330.20 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มีรายได้รวม 360.89 ล้านบาท
ทั้งนี้บริษัทมีสินทรัพย์รวมสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2565 จำนวน 2,413.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1,060.27 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 78.35% โดยสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่เป็นเงินลงทุนเพิ่มในบริษัท เดอะ เมกะวัตต์ จำกัด 807.75 ล้าน และ บริษัท เทพฤทธา จำกัด 15.30 ล้านบาท
ดร.ปัญญา กล่าวต่อว่า บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้รวมปีนี้จะเติบโต 15 % โดยมีปัจจัยบวกจากภาพรวมธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ที่มีแนวโน้มสดใส ประกอบกับกลุ่ม B ได้มีการปรับกลยุทธ์ โดยการขยายฐานลูกค้าไปในกลุ่มธุรกิจที่หลากหลาย เน้นลูกค้ารายใหญ่ที่มีความต้องการใช้บริการกองรถปริมาณที่มาก สอดคล้องกับจำนวนรถหัวลากของบริษัทที่มีอยู่จำนวน 66 คัน นอกจากนี้ได้เพิ่มน้ำหนักธุรกิจการให้บริการด้านศุลกากรมากขึ้น เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า รวมทั้งการบริหารจัดการด้านต้นทุนขนส่งให้มีประสิทธิภาพ
“ปีนี้ B มั่นใจว่าผลประกอบการจะมีกำไรต่อเนื่อง รายได้จากธุรกิจขนส่งจะโดดเด่นมาก จากการปรับกลยุทธ์เน้นลูกค้ารายใหญ่ เพิ่มน้ำหนักธุรกิจให้บริการด้านศุลกากร และบริหารจัดการต้นทุนขนส่ง ” ดร.ปัญญา กล่าว
ทั้งนี้บริษัทมีสินทรัพย์รวมสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2565 จำนวน 2,413.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1,060.27 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 78.35% โดยสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่เป็นเงินลงทุนเพิ่มในบริษัท เดอะ เมกะวัตต์ จำกัด 807.75 ล้าน และ บริษัท เทพฤทธา จำกัด 15.30 ล้านบาท
ดร.ปัญญา กล่าวต่อว่า บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้รวมปีนี้จะเติบโต 15 % โดยมีปัจจัยบวกจากภาพรวมธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ที่มีแนวโน้มสดใส ประกอบกับกลุ่ม B ได้มีการปรับกลยุทธ์ โดยการขยายฐานลูกค้าไปในกลุ่มธุรกิจที่หลากหลาย เน้นลูกค้ารายใหญ่ที่มีความต้องการใช้บริการกองรถปริมาณที่มาก สอดคล้องกับจำนวนรถหัวลากของบริษัทที่มีอยู่จำนวน 66 คัน นอกจากนี้ได้เพิ่มน้ำหนักธุรกิจการให้บริการด้านศุลกากรมากขึ้น เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า รวมทั้งการบริหารจัดการด้านต้นทุนขนส่งให้มีประสิทธิภาพ
“ปีนี้ B มั่นใจว่าผลประกอบการจะมีกำไรต่อเนื่อง รายได้จากธุรกิจขนส่งจะโดดเด่นมาก จากการปรับกลยุทธ์เน้นลูกค้ารายใหญ่ เพิ่มน้ำหนักธุรกิจให้บริการด้านศุลกากร และบริหารจัดการต้นทุนขนส่ง ” ดร.ปัญญา กล่าว