OKJ ยังแรงไม่หยุด เทรด 2 วัน ราคาพุ่ง 117% แตะ 14.60 บาท แต่ Consensus ให้เป้าหมาย 7.90-8.10 บาท
ความเคลื่อนไหวราคาหุ้นบริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) หรือ OKJ ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแค่เพียงในระยะเวลา 2 วันที่เปิดทำการซื้อขายราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นไปแล้วกว่า 117% ยืนแตะที่ระดับสูงสุด 14.60 บาท
โดยข้อมูลจากบทวิเคราะห์ของ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ระบุว่า ราคาเหมาะสม Consensus ของหุ้น OKJ อยู่ที่ระดับ 7.90-8.10 บาทต่อหุ้น
ทั้งนี้ OKJ ประกอบธุรกิจให้บริการและจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่มและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ โดยเน้นการปลูกผักแบบเกษตรอินทรีย์ (Organic) และนำเสนออาหารและเครื่องดื่มจากวัตถุดิบหลักที่เป็นอินทรีย์ โดยมีธุรกิจหลัก
ดังนี้ 1.ธุรกิจบริการและจำหน่ายอาหาร จำนวน 37 สาขา แบรนด์ “โอ้กะจู๋” (สัดส่วนรายได้ 99.3%) 2.ธุรกิจร้านอาหารประเภทจานด่วน จำนวน 1 สาขา แบรนด์ “Ohkajhu Wrap & Roll” (สัดส่วนรายได้ 0.1%) และ 3.ธุรกิจร้านน้ าผักผลไม้เพื่อสุขภาพ จำนวน 6 สาขา แบรนด์ “Oh! Juice” (สัดส่วนรายได้ 0.6%)
บริษัทฯ มีรายได้ในปี 64-66 เท่ากับ 798 ล้านบาท 1,210 ล้านบาท และ 1,713 ล้านบาท โดยรายได้ที่เติบโตแต่ละปี มาจากการเปิดสาขาใหม่ ลดลงจาก 9.5% ในงวด 6 เดือนของปี 66 ประกอบกับการส่งเสริมการขาย
ขณะที่บริษัทสามารถบริหารต้นทุนได้ดีขึ้น %GPM ที่ระดับ 31.6% 42.8% และ 45.2% ตามลำดับ ส่งผลให้พลิกจากขาดทุนสุทธิ 85 ล้านบาท ในปี 64 เป็นกำไร 38 ล้านบาท ในปี 65 และ 141 ล้านบาท ในปี 66 คิดเป็น %NPM ที่ระดับ -10.5% 3.2% และ 8.2% ตามลำดับ
สำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 67 มีรายได้ 1,097 ล้านบาท +41% จากปีก่อน จากการเพิ่มขึ้นของสาขาใหม่ ประกอบกับการรับรู้รายได้ จากการเปิดร้านอาหารและเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์ใหม่ ขณะที่ต้นทุนค่าวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น และการให้ส่วนลดค่าอาหารแก่ลูกค้า ทำให้ %GPM ที่ระดับ 44.5
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) รายงานในบทวิเคราะห์ว่า Market Consensusให้ราคาพื้นฐาน 7.90-8.10 บาท
โดยครึ่งแรกของปี 67มี กำไร 38.6% จากปีก่อน ที่ 102 ล้านบาท ซึ่งมีรายได้ขาย/บริการ +41.3% ที่ 1,097 ล้านบาท จากสาขาเต็มรูปแบบ +6 สาขาเป็น 30 สาขา และ SSSG เพิ่มขึ้น 8.4% โดยสาขาเต็มรูปแบบมีสัดส่วนรายได้ 93% และรับรู้แบรนด์ใหม่ "Ohkajhu Wrap & Roll" และ "Oh! Juice" ต้นทน +45.6% จากต้นทุนสินค้าบางชนิดที่ปรับตัวสูงขึ้นและตามสาขาใหม่เพิ่ม
ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเป็น 44.5% จาก 46.2% ส่วน SG&A +40% จากการทำกิจกรรมการตลาด การให้ส่วนลดค่าอาหารและเครื่องดื่มแก่ลูกค้าที่สมัครบัตรสมาชิก เพื่อเพิ่มฐานสมาชิกกลุ่มใหม่ ๆ รวมถึงพนักงานที่เพิ่มขึ้นจากการขยายธุรกิจ เมื่อดู SG&A to sale ยังใกล้เคียงปีก่อนที่ 33.3% จาก 33.6% จึงมีกำไร้ 102 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.6% คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ 9.3% ลดลงเล็กน้อยจากปีก่อนที่ 9.5%