ผู้บริหาร บมจ.กรุงเทพประกันภัย (BKI) มั่นใจเบี้ยประกันภัยรับปีนี้ยังโต 8% แตะ3.25 หมื่นล้านบาท แม้สถานการณ์น้ำท่วมปีนี้จะรุนแรง แต่ผลกระทบไม่เท่าปี 54 ยืนยันไม่ปรับเพิ่มเบี้ยประกันภัย แต่ปรับนโยบายพิจารณาเข้มข้นขึ้น พร้อมจับตาพายุที่จะเข้ามากระทบอย่างใกล้ชิด
นายชัย โสภณพนิช ประธานกรรมการ บมจ.กรุงเทพประกันภัย (BKI) มองภาพรวมธุรกิจประกันภัยในปีนี้ว่า การขยายตัวน่าจะอยู่ในอัตรา 3-4% ซึ่งยังต่ำกว่าระดับที่เหมาะสมที่ 10% ขณะที่การแข่งขันและการตัดราคายังมีอย่างต่อเนื่อง ทำให้ภาพรวมการทำกำไรของบริษัทไม่มากเท่าที่ปีที่ผ่านมา ส่วนความเสียหายจากผลกระทบของน้ำท่วม เชื่อว่าปีนี้ไม่รุนแรงเท่ากับปี 2554 เนื่องจากพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่เป็นพื้นที่บ้านเรือนของประชาชนที่ไม่ได้มีการทำประกันภัย ขณะที่โรงงานในนิคมอุตสาหกรรมก็มีการดูแลป้องกันภัยน้ำท่วมเป็นอย่างดี
สำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นคาดว่า จะไม่ดีเท่าปีก่อน แม้ตลาดจะคาดการณ์ว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) อาจลดดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป ซึ่งมองว่าการลดดอกเบี้ยไม่ได้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากปัจจุบันเศรษฐกิจไทยเจอปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ทำให้กระทบกับกำลังซื้อของประชาชน
ด้านดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ BKI กล่าวว่า ปีนี้บริษัทยังคงเป้าหมายเบี้ยรับรวมที่ 32,500 ล้านบาท หรือ เติบโต 8% จากปีก่อนที่อยู่ 30,000 ล้านบาท หลัง 9 เดือนทำไปได้มากกว่า 20,000 ล้านบาท
ส่วนเหตุการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดน่าน เชียงราย และ เชียงใหม่รอบแรก ความเสียหายล่าสุด เมื่อวันที่ 3 ต.ค. ที่มีการเรียกร้องค่าเสียหายอยู่ที่ประมาณ 340 ล้านบาท(ไม่รวมการเรียกร้องความเสียหายจากบริษัทรับประกันภัยต่อในต่างประเทศ) แบ่งเป็น ความเสียหายต่อทรัพย์สิน 290 ล้านบาท และ รถยนต์ 50 ล้านบาท ซึ่งคาดว่า จะสามารถเรียกร้องความเสียหายจากบริษัทรับประกันภัยต่อในต่างประเทศได้ 80-90 ล้านบาท
ซึ่งปีนี้ BKI ได้ซื้อประกันภัยต่อ(reinsurance) กับบริษัทต่างประเทศ ในการคุ้มครองความเสียหายจากภัยธรรมชาติเป็น 7,800 ล้านบาทต่อเหตุการณ์ ซึ่งวงเงินดังกล่าวถือว่าสูงสุดตั้งแต่ซื้อประกันภัยมา
สำหรับการรับเมื่อกับสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้น บริษัทไม่มีนโยบายที่จะปรับเพิ่มเบี้ยประกันภัย เนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรงในตลาด แต่บริษัทจะปรับนโยบาบในการพิจารณารับประกันภัยที่เข้มงวดมากขึ้น เพื่อให้สะท้อนความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
“ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นอาจกระทบกับกำไรบ้าง แต่ยังอยู่ในการคาดการณ์ของบริษัท ดังนั้นบริษัทจึงยังมั่นใจว่าเบี้ยประกันภัยรับปีนี้ยังทำได้ตามเป้าหมายที่เติบโต 8% เนื่องจากช่วงไตรมาส 4 จะมีเบี้ยประกันภัยจากเมกะโปรเจค ที่เข้ามาเพิ่มเติม” ดร.อภิสิทธิ์ กล่าว
นายชัย โสภณพนิช ประธานกรรมการ บมจ.กรุงเทพประกันภัย (BKI) มองภาพรวมธุรกิจประกันภัยในปีนี้ว่า การขยายตัวน่าจะอยู่ในอัตรา 3-4% ซึ่งยังต่ำกว่าระดับที่เหมาะสมที่ 10% ขณะที่การแข่งขันและการตัดราคายังมีอย่างต่อเนื่อง ทำให้ภาพรวมการทำกำไรของบริษัทไม่มากเท่าที่ปีที่ผ่านมา ส่วนความเสียหายจากผลกระทบของน้ำท่วม เชื่อว่าปีนี้ไม่รุนแรงเท่ากับปี 2554 เนื่องจากพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่เป็นพื้นที่บ้านเรือนของประชาชนที่ไม่ได้มีการทำประกันภัย ขณะที่โรงงานในนิคมอุตสาหกรรมก็มีการดูแลป้องกันภัยน้ำท่วมเป็นอย่างดี
สำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นคาดว่า จะไม่ดีเท่าปีก่อน แม้ตลาดจะคาดการณ์ว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) อาจลดดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป ซึ่งมองว่าการลดดอกเบี้ยไม่ได้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากปัจจุบันเศรษฐกิจไทยเจอปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ทำให้กระทบกับกำลังซื้อของประชาชน
ด้านดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ BKI กล่าวว่า ปีนี้บริษัทยังคงเป้าหมายเบี้ยรับรวมที่ 32,500 ล้านบาท หรือ เติบโต 8% จากปีก่อนที่อยู่ 30,000 ล้านบาท หลัง 9 เดือนทำไปได้มากกว่า 20,000 ล้านบาท
ส่วนเหตุการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดน่าน เชียงราย และ เชียงใหม่รอบแรก ความเสียหายล่าสุด เมื่อวันที่ 3 ต.ค. ที่มีการเรียกร้องค่าเสียหายอยู่ที่ประมาณ 340 ล้านบาท(ไม่รวมการเรียกร้องความเสียหายจากบริษัทรับประกันภัยต่อในต่างประเทศ) แบ่งเป็น ความเสียหายต่อทรัพย์สิน 290 ล้านบาท และ รถยนต์ 50 ล้านบาท ซึ่งคาดว่า จะสามารถเรียกร้องความเสียหายจากบริษัทรับประกันภัยต่อในต่างประเทศได้ 80-90 ล้านบาท
ซึ่งปีนี้ BKI ได้ซื้อประกันภัยต่อ(reinsurance) กับบริษัทต่างประเทศ ในการคุ้มครองความเสียหายจากภัยธรรมชาติเป็น 7,800 ล้านบาทต่อเหตุการณ์ ซึ่งวงเงินดังกล่าวถือว่าสูงสุดตั้งแต่ซื้อประกันภัยมา
สำหรับการรับเมื่อกับสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้น บริษัทไม่มีนโยบายที่จะปรับเพิ่มเบี้ยประกันภัย เนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรงในตลาด แต่บริษัทจะปรับนโยบาบในการพิจารณารับประกันภัยที่เข้มงวดมากขึ้น เพื่อให้สะท้อนความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
“ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นอาจกระทบกับกำไรบ้าง แต่ยังอยู่ในการคาดการณ์ของบริษัท ดังนั้นบริษัทจึงยังมั่นใจว่าเบี้ยประกันภัยรับปีนี้ยังทำได้ตามเป้าหมายที่เติบโต 8% เนื่องจากช่วงไตรมาส 4 จะมีเบี้ยประกันภัยจากเมกะโปรเจค ที่เข้ามาเพิ่มเติม” ดร.อภิสิทธิ์ กล่าว