ราคาน้ำมันน่าห่วง! คนไทยเสี่ยงใช้น้ำมันแพงขึ้นอีก หลังเดือนนี้น้ำมันดิบ WTI พุ่งแล้ว 13%
สถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง ยังเป็นปัจจัยผลักดันราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างร้อนแรง โดยความเห็นนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด ระบุว่า ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่มีท่าทีรุนแรงขึ้น และหากมีการยกระดับการโจมตีไปยังแหล่งยุทธศาสตร์สำคัญเช่น แหล่งผลิตน้ำมันและโรงงานนิวเคลียของอิหร่าน จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อราคาน้ำมัน
เช่นเดียวกันกับนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า น้ำมันเริ่มแพง เสี่ยงกระตุ้นเงินเฟ้อวิ่งขึ้นแรงตาม โดยความตึงเครียดในตะวันออกกลางน่าเป็นห่วงมากขึ้น นับตั้งแต่อิหร่านได้ยิงขีปนาวุธ โจมตีอิสราเอลเมื่อ 1 ต.ค. ที่ผ่านมา
โดยทั่วโลกต่างเฝ้าจับตาความเสี่ยงสถานการณ์บานปลาย หากอิสราเอลโจมตีกลับโครงสร้างพื้นฐานพลังงานอิหร่าน และเกิดการ ปิดช่องแคบฮอร์มุซ
ขณะที่ความกังวลดังกล่าวได้ส่งผ่านไปยังราคาน้ำมันขยับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยราคาน้ำมันดิบ WTI วานนี้วิ่งขึ้นยืนเหนือ 77 เหรียญฯ/บาเรล แล้ว และเฉลี่ยทั้งเดือน ต.ค. 67 อยู่ที่ 73.7 เหรียญฯ/บาเรล หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 13.5% จากเดือนก่อน
เมื่อพิจารณาองค์ประกอบเงินเฟ้อสหรัฐฯ มีสัดส่วนพลังงานราว 7.2% โดยจากข้อมูล ในอดีต ช่วงที่ราคาน้ำมันชะลอตัวลง มักจะกดดันให้เงินเฟ้อทยอยปรับตัวลดลง ตามไปด้วย
แต่ในทางกลับกัน ช่วงที่ราคาน้ำมันพุ่งขึ้น จะหนุนให้เงินเฟ้อขยับขึ้น เช่นกัน ซึ่งจะเห็นได้ชัดในปี 2565 ช่วงสงครามรัสเซีย-ยูเครน ราคาน้ำมันวิ่งทะลุ 100 เหรียญฯ/บาเรล จนเงินเฟ้อขึ้นไปทำจุดสูงสุด +9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้ FED จำเป็นต้อง ดำเนินนโยบายการเงินแบบเข้มงวด เร่งขึ้นดอกเบี้ย เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
ดังนั้น หากสงครามมีความยืดเยื้อ และรุนแรงมากขึ้น อาจหนุนให้ราคาน้ำมันดิบทยอย ปรับตัวขึ้นเรื่อย ๆ และหนุนให้อัตราเงินเฟ้อของหลายประเทศต่างๆ เพิ่มขึ้นตามลำดับ เสี่ยงส่งผลกระทบต่อการเดินหน้านโยบายการเงินแบบผ่อนคลายได้ ซึ่งอาจหนุนให้ DOLLAR INDEX แข็งค่าขึ้น และกดดันค่าเงินบาทให้อ่อนค่าตามกลไก