จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : DTCENT บุกตลาดอาเซียน สร้างความแข็งแกร่งระยะยาว


02 มีนาคม 2566
การเติบโตของตลาดอาเซียนยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง  ด้วยจำนวนประชากรที่มากกว่า 600  ล้านคน และการพัฒนาประเทศต่างๆให้เป็นเศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่ง สอดคล้องกับทิศทางการทำธุรกิจของ บมจ.ดี.ที.ซี. เอ็นเตอร์ไพรส์ (DTCENT) ที่มีเป้าหมายขยายธุรกิจเข้าไปในตลาดอาเซียน  เชื่อหนุนผลงานปี 66 เติบโต 10-15%

รายงานพิเศษ DTCENT .jpg


นายสรรเสริญ สมะลาภา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์  กล่าวว่า ในที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน สมัยพิเศษ (AEMs’ Special Meeting) ที่ประเทศอินโดนีเซียที่ผ่านมา  ที่ประชุมเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจอาเซียนจะกลับมาฟื้นตัวและแข็งแกร่งได้อีกครั้ง โดยคาดว่า ในปี 2565  GDP ของภูมิภาคจะขยายตัวถึง 4.9% และในปี 2566 จะเพิ่มขึ้นถึง 5.2% 

ดังนั้นควรเร่งดำเนินการตามแผนฟื้นฟูที่ครอบคลุมของอาเซียน (ACRF) ซึ่งประกอบด้วยยุทธศาสตร์ 5 ด้าน ได้แก่ การเสริมสร้างการฟื้นฟูระบบสาธารณสุข การส่งเสริมความเข้มแข็งให้แก่ความมั่นคงของมนุษย์ การใช้ประโยชน์สูงสุดจากศักยภาพของตลาดภายในอาเซียน การเร่งรัดการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัล และการมุ่งหน้าไปสู่อนาคตที่ยั่งยืน และพร้อมปรับตัวมากขึ้น โดยในส่วนของเสาเศรษฐกิจ มีมาตรการสำคัญ คือ การเตรียมความพร้อมให้กับผู้ประกอบการขนาดเล็กและรายย่อย ด้าน ICT เพื่อเตรียมก้าวเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัลในอนาคต

การผลักดันให้ประเทศต่างๆในอาเซียนเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัล  จะต้องมีการพัฒนาระบบไอโอที  ซึ่งสนับสนุนธุรกิจ บมจ.ดี.ที.ซี. เอ็นเตอร์ไพรส์ (DTCENT) ที่พัฒนาระบบไอโอที (IoT Solution) และ Artificial Intelligence (AI) ครบวงจร  รวมถึงยังรับออกแบบ วิจัย พัฒนา จัดจำหน่าย และให้บริการอุปกรณ์ติดตามยานพาหนะ (GPS Tracking)  ซึ่งเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่เติบโตได้ดี  เนื่องจากยอดขายรถยนต์ในภูมิภาคอาเซียนในปี 2021 ที่ผ่านมาอยู่ที่ 2.79 ล้านคัน เติบโตสูงขึ้น 14% เมื่อเทียบกับปี 2020  แม้จะต้องเผชิญมรสุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ต้องขาดแคลนชิ้นส่วนสำคัญอย่างชิปส์เซมิคอนดักเตอร์  

ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางของประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่  DTCENT  ผู้นำในการให้บริการระบบ GPS Tracking อันดับ 1 ในประเทศไทย (อ้างอิงจากข้อมูลกรมการขนส่งทางบกในเดือนมกราคม 2565) “ทศพล คุณะเพิ่มศิริ” ระบุถึง แผนการดำเนินธุรกิจในปี 2566 บริษัทฯ เดินหน้านำระบบ GPS Tracking และ IoT Solution ไปขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน  ซึ่งคาดว่า จะเห็นความชัดเจนในไตรมาสแรกของปีนี้ สำหรับในประเทศ DTCENT ได้มีการพัฒนาระบบ GPS Tracking ให้มีประสิทธิภาพในการใช้งานได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในปัจจุบัน

นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นใหม่ IoT Solution และ ระบบ AI อย่าง BAMS (Business Activity Management System) ขณะนี้ อยู่ระหว่างการทดสอบการใช้ระบบ และคาดว่าจะสามารถเปิดใช้บริการได้ภายในไตรมาส 1/66 รวมทั้ง ระบบบริหารจัดการน้ำ, ระบบ SMART CITY SOLUTION หรือระบบบริหารการจัดการองค์กรส่วนท้องถิ่น เพื่อรองรับโครงการของภาครัฐที่เริ่มทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และระบบ BIM (Building Information Modeling), EV Platform, Logistics Demand-Supply Matching Platform ซึ่งคาดว่า จะเห็นความชัดเจนภายในปีนี้

สำหรับความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ ประกอบด้วย บริษัท ยาซากิ เอ็นเนอร์จี ซิสเท็ม คอร์ปอเรชั่น (YES) วางแผนที่จะพัฒนาให้บริษัทฯ เป็น Tier 1 Supplier ในงาน OEM สำหรับอุปกรณ์ GPS Tracking และ Telematics ให้กับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปีนี้เพิ่มขึ้น ส่วนบริษัท บุญรอด ซัพพลายเชน จำกัด (BRS) ขณะนี้ ร่วมวางแผนงานการดำเนินธุรกิจ ในด้านการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) และพัฒนาผลิตภัณฑ์ Supply Chain Solutions ใหม่ๆ เพื่อช่วยลดต้นทุน เพิ่มรายได้ และเสริมประสิทธิภาพในการทำงานให้กับบริษัทฯ

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังมองหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง กับธุรกิจหลัก ในรูปแบบการทำ M&A กับบริษัทที่มีผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มช่องทางสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นได้ในระยะยาว จึงมั่นใจว่า ปัจจัยเหล่านี้ จะเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนให้ผลงานในปีนี้เติบโตได้ที่ระดับ 10-15% จากปีก่อน