รายงานพิเศษ : “UREKA” เกาะกระแส รักษ์โลก อุตฯเม็ดพลาสติกรีไซเคิล ดันผลงานโต
กระแสการรักษ์โลก เกิดขึ้นกับทุกอุตสาหกรรมไม่เว้นแม้แต่อุตสาหกรรมเม็ดพลาสติกซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาด และสอดคล้องกับทิศทางการทำธุรกิจของ บริษัท ยูเรกา ดีไซน์ (UREKA) ทำให้ผลดำเนินงาน 9 เดือนที่ผ่านมาเติบโตอย่างยั่งยืนและจะต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 4/65 ขณะที่ธุรกิจน้ำประปาก็เติบโตได้ดีไม่แพ้กัน
อุตสาหกรรมรีไซเคิลนับเป็นอุตสาหกรรมที่ไม่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของ โควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ผลจากกระแสการลดภาวะโลกร้อน และการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศคู่ค้า ทำให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับกฎเกณฑ์ใหม่ จึงกระตุ้นตลาดเม็ดพลาสติกรีไซเคิลให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
โดยตั้งแต่ปี 2564 ที่มีการระบาดของโควิด 19 ผู้ประกอบการทางด้านอุตสาหกรรมรีไซเคิล ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นปีทองของอุตสาหกรรม แทบจะไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด เพราะสามารถขายเศษพลาสติกหรือเม็ดพลาสติกได้มากขึ้น มิหนำซ้ำยังสามารถขายได้ราคาที่แพงขึ้น ได้กำไรมากขึ้น
สำหรับตลาดพลาสติกรีไซเคิล แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่ กลุ่มที่จะถูกนำไปใช้สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์พลาสติก และกลุ่มที่จะถูกนำไปใช้เพิ่มลดค้นทุนโดยไม่สนใจด้านมูลค่าเพิ่ม
อุตสาหกรรมพลาสติกรีไซเคิลที่เติบโตสวนกระแสกับอุตสาหกรรมอื่นที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของ โควิด-19 สนับสนุนผลการดำเนินงานของบริษัท ยูเรกา ดีไซน์ จำกัด (มหาชน) UREKA โดยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “สุนิสา จิระวุฒิกุล” มั่นใจว่า แนวโน้มการดำเนินธุรกิจช่วงไตรมาส4/2565 ยังมีทิศทางที่ดีต่อเนื่อง เมื่อพิจารณาจากคำสั่งซื้อเม็ดพลาสติกรีไซเคิลที่ทยอยเข้ามามากขึ้น สอดคล้องกับทิศทางของอุตสาหกรรม
ขณะเดียวกันบริษัทฯอยู่ระหว่างการมองหาการลงทุนธุรกิจใหม่ๆ ที่จะสร้างการเติบโต และความมั่นคงให้กับบริษัทฯในอนาคต
ด้านธุรกิจน้ำประปา ซึ่งเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่เป็น Core Business ของบริษัทที่ได้รับสัมปทานยาวถึง 20 ปี ก็กำลังเติบโตสร้างรายได้ได้ดีตามแผน และจ่ายน้ำประปาเข้าระบบเรียบร้อยแล้ว และโครงการดังกล่าว คาดว่าจะสร้างรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 80-100 ล้านบาทต่อปี ซึ่งจะเป็นรายได้ประจำสม่ำเสมอ สนับสนุนการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันบริษัทเดินหน้ารุกขยายโครงการผลิตน้ำประปา เฟส2 โดยอยู่ระหว่างขั้นตอนศึกษาและเตรียมพัฒนาโครงการ
ส่วนภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัทฯ สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2565 สำหรับงวด 9 เดือนของปี 2565 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 62.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 758% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิเท่ากับ 9.57 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 199.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 115.79 ล้านบาท หรือ 138% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวมเท่ากับ 84.10 ล้านบาท
"ปัจจัยที่สนับสนุนให้กำไรสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากกลยุทธ์การกระจายความเสี่ยง และการปรับโครงสร้างบริษัท โดยมีการแตกไลน์ธุรกิจ และนโยบายการเปิดประเทศ ทำให้กำลังซื้อเพิ่มขึ้นสนับสนุนยอดขายทั้งในและต่างประเทศขยายตัวได้ดี ขณะเดียวกันบริษัทฯได้รับรู้รายได้ประจำของธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำประปา โดยหลังจากได้รับสัมปทานประกอบกิจการประปา และได้รับอนุญาตให้จำหน่ายน้ำประปา ระยะเวลาสูงสุดถึง 20 ปี สร้างรายได้จะเพิ่มขึ้นกว่า 80 ล้านบาทต่อปี ซึ่งปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้รายได้และกำไรมีทิศทางที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง"
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวอีกว่า ปัจจุบันบริษัท ฯ มีศักยภาพทางการเงินที่แข็งแกร่ง เพื่อรองรับการขยายธุรกิจได้อย่างเต็มที่ พร้อมเดินหน้าต่อยอดธุรกิจโดยเฉพาะโครงการผลิตน้ำประปา เฟส 2 หลังจากเฟสแรกประสบความสำเร็จ ทำให้สามารถสร้างรายได้ประจำสม่ำเสมอเสริมความแข็งแกร่งให้กับบริษัทฯในระยะยาว