เม็ดเงินสถาบันกำลังทำลายสถิติ ล่าสุดซื้อหุ้นไทย 7 วันรวด 1.89 หมื่นลบ. หลังปี 66 เคยซื้อ 16 วัน ติดที่ 2 หมื่นลบ.
เม็ดเงินกองทุนวายุภักษ์ (VAYU1) ไหลเข้าต่อเนื่อง เห็นได้จากนักลงทุนสถาบันเข้าซื้อสุทธิหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง โดยนับจากวันที่ 1 ตุลาคม 2567 จนถึงปัจจุบัน ( 8 ตุลาคม 2567) นักลงทุนสถาบัน ซื้อหุ้นไทยติดต่อกัน 7 วันรวด มูลค่ารวมกันกว่า 18,985.35 ล้านบาท
การเข้าซื้อสุทธิของนักลงทุนสถาบันดังกล่าว กำลังจะทำลายสถิติเดิมที่เคยทำไว้เมื่อปี 2566 ที่ซื้อสุทธิหุ้นไทย 16 วันรวด ในช่วงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ถึงวันที่ 9 มีนาคม 2566 คิดเป็นมูลค่ารวมกันกว่า 20,018 ล้านบาท
และหากย้อนกลับไปพบว่า นักลงทุนสถาบัน เคยซื้อหุ้นไทยติดต่อกัน 7 วันในช่วงปี 2563 ระหว่างวันที่ 26 มิถุนายน ถึงวันที่ 7 กรกฎาคม มูลค่ารวมกว่า 18,354 ล้านบาท
ก่อนหน้านั้นเมื่อปี 2562 ลงทุนสถาบัน เคยซื้อหุ้นไทยติดต่อกัน 7 วันเช่นกัน ในช่วงของวันที่ 28 ตุลาคม ถึงวันที่ 5 พฤศจิกายน 2562 คิดเป็นมูลค่ารวมกันกว่า 19,049 ล้านบาท
ดังนั้นต้องติดตามกันต่อไปว่า เม็ดเงินกองทุนวายุภักษ์ จะไหลเข้าหุ้นไทยได้อีกนานแค่ไหน แต่ล่าสุดความเห็นนักวิเคราะห์นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า ปัจจัยแวดล้อมกด ส่วนกองทุนวายุภักษ์พยุงตลาดหุ้นไทย
โดยเริ่มถูกปัจจัยแวดล้อมเข้ามาปกคลุมบ้าง กดดันให้ SET INDEX มีโอกาส แกว่งตัวออกข้างด้วยปัจจัยต่างๆ ดังนี้
1. ราคาน้ำมันดิบวานนี้ย่อตัวแรง 5% จากการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนน้อยกว่าที่ ตลาดคลาด และความรุนแรงในตะวันออกกลางชะลอลง กดดันตลาดหุ้นไทย ที่มีหุ้นอิงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ถึง 1 ใน 3
2. WORLD BANK ปรับลด GDP ไทยปี 2024 ลงเหลือ 2.4% (จาก 2.8% ใน เดือน เม.ย.) ถือว่าเติบโตน้อยกว่าประเทศในแถบเอเชียแปซิฟิกอื่นๆ ที่คาดว่า จะเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 4.8% (จาก 4.5% ในเดือน เม.ย.) และยังถือว่าเป็นกรอบ ล่างเมื่อเทียบกับสำนักเศรษฐกิจอื่นๆ
3. ติดตามความไม่แน่นอนทางการเมือง โดยพรุงนี้ 10 ต.ค. ทางแกนนำพรรค พลังประชารัฐนัดแถลงประเด็นเหตุที่จะนำไปสู่จุดจบพรรคแกนนำรัฐบาล ถือ เป็นหนึ่งเหตุการณ์ที่นักลงทุนคอยจับตา เพราะปกตินักลงทุนต่างชาติไม่ ชอบประเด็นความไม่แน่นอนอยู่แล้ว
แม้จะมีถึง 3 ประเด็นที่อาจกดดันให้ FUND FLOW อาจชะลอในช่วงนี้ แต่เม็ดเงินจาก กองทุนวายุภักษ์ที่ทยอยเข้ามา (1 – 8 ต.ค. สถาบันฯ ซื้อสุทธิหุ้นไทย 1.9 หมื่นล้าน บาท) น่าจะเป็นส่วนช่วยพยุงให้ตลาดหุ้นไทยผันผวนน้อยลง โดยประเมินกรอบการ เคลื่อนไหวของ SET INDEX วันนี้ที่ 1,448 – 1,468 จุด
ดังนั้นแนะนำหุ้นได้ประโยชน์จาก เหตุการณ์ตะวันออกกลางผ่อนคลายลง คือ หุ้นอิงการท่องเที่ยว อย่าง BDMS, BH, AOT, CENTEL และหุ้น ANTI-OIL อย่าง BA, AAV, GPSC, BGRIM