จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : “ธุรกิจ-เครื่องมือการแพทย์” โตสวนกระแสหนุน B52 ขยายพอร์ทต่อยอดธุรกิจ


28 ธันวาคม 2565

การระบาดของโควิด-19 และกระแสการดูแลสุขภาพทำให้ธุรกิจการแพทย์และเครื่องมือการแพทย์ เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แม้เศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลง สนับสนุนวิสัยทัศน์การต่อยอดธุรกิจของบมจ.บี-52 แคปปิตอล (B52) ที่ลงทุนในบริษัท เว็ทส์ แอนด์ มอร์ จำกัด (V&M) ที่ประกอบกิจการค้าและเครื่องมือแพทย์

ต้องยอมรับว่าการระบาดของไวรัสโควิด19 ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ได้ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจอย่างรุนแรง จนทำให้บางบริษัทต้องปิดกิจการ และบางภาคอุตสาหกรรมต้องปรับตัวเพื่อรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวและภาคบริการที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการห้ามเดินทางระหว่างประเทศ

แต่ขณะเดียวกันก็มีบางภาคธุรกิจที่ได้รับประโยชน์มีการเติบโตที่สูงมาก ได้แก่ อุตสาหกรรมทางการแพทย์ และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่อง

ซึ่งศูนย์วิจัยกรุงศรีฯ วิเคราะห์ว่า ปี 2563 อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ครอบคลุมทั้งเครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ทางการแพทย์มีมูลค่ารวมคิดเป็น 1.2% ของ GDP ส่วนปี 2565-2566 คาดว่าความต้องการอุปกรณ์การแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับสุขอนามัยและการดูแลสุขภาพยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ โดยได้อานิสงส์จาก 

(1) อัตราการเจ็บป่วยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง 

(2) จำนวนผู้ป่วยต่างชาติที่มีแนวโน้มกลับมาใช้บริการในไทยเพิ่มขึ้นในปี 2565-2566 หลังจากหดตัวถึง 97% ในปี 2564

(3) ผู้ประกอบการโรงพยาบาลมีแผนขยายการลงทุนต่อเนื่อง 

(4) กระแสการใส่ใจสุขภาพและความต้องการดูแลสุขภาพแบบครบวงจรมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั่วโลกรวมถึงไทย (5) เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าหลักของไทยยังมีความต้องการอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่อเนื่องโดยเฉพาะในกลุ่มวัสดุสิ้นเปลืองประเภทถุงมือยาง หลอด/เข็มฉีดยา 

(6) นโยบายสนับสนุนจากภาครัฐในการพัฒนาให้ไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub)

ส่วนปัจจัยท้าทายทางธุรกิจที่สำคัญคือ การแข่งขันที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น จากการที่ผู้ประกอบการไทยมีข้อจำกัดในการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูง จึงต้องพึ่งพาการนำเข้าหรือการผลิตจากผู้ประกอบการต่างชาติที่เข้ามาตั้งฐานการผลิตในไทย

โดยวิจัยกรุงศรีคาดว่า มูลค่าการจำหน่ายเครื่องมือแพทย์ในประเทศปี 2564 จะขยายตัว 5.7% ขณะที่มูลค่าส่งออกมีแนวโน้มเติบโต 30-35% จากความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับผลิตภัณฑ์ป้องกันการติดเชื้อในกลุ่มวัสดุสิ้นเปลือง (โดยเฉพาะถุงมือยางที่ยังมีความจำเป็นต้องใช้เพื่อป้องกันโรค) และกลุ่มน้ำยาและชุดวินิจฉัยโรค ประกอบกับภาครัฐมีนโยบายเร่งขยายช่องทางการตลาดเพื่อส่งออก อาทิ การจับคู่เจรจาธุรกิจการค้าออนไลน์สินค้าเครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ที่ป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส เช่น ชุด PPE เข็มฉีดยา แคปซูลเคลื่อนย้ายผู้ป่วย COVID เข้าเครื่อง CT scan และอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลแบบใช้แล้วทิ้งสำหรับการใช้งานในโรงพยาบาล

สำหรับปี 2565-2566 คาดว่ามูลค่าจำหน่ายเครื่องมือแพทย์ในประเทศจะเติบโตเฉลี่ย 5.0-7.0% ต่อปี ผลจากการฉีดวัคซีนครอบคลุมทั่วประเทศทำให้การระบาดของ COVID-19 บรรเทาลง ขณะที่เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ส่งผลให้ความต้องการใช้บริการทางการแพทย์ในสถานพยาบาลทยอยกลับสู่ระดับใกล้เคียงปกติ ทำให้ความต้องการใช้เครื่องมือแพทย์เพิ่มขึ้น ด้านมูลค่าส่งออกคาดว่าจะเพิ่มขึ้นในอัตราชะลอลงเหลือ 8.0% ต่อปี (ภาพที่ 13) หลังจากมีอัตราการขยายตัวสูงมากในช่วงปี 2563-2564 ผลจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้มีความต้องการสินค้าในกลุ่มวัสดุสิ้นเปลืองสูงโดยเฉพาะถุงมือยาง/ถุงมือยางทางการแพทย์

ทั้งนี้เครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ จำแนกตามลักษณะการใช้งานได้เป็น 3 กลุ่ม คือ

1) กลุ่มวัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ (Single-use device) เป็นผลิตภัณฑ์เพื่อการรักษาพยาบาลทั่วไป ใช้เทคโนโลยีการผลิตไม่สูง มักเป็นการใช้ครั้งเดียวหรือใช้แล้วทิ้ง อาทิ หลอดฉีดยา เข็มฉีดยา สายยาง หลอดสวน แกนสอด ถุงมือยาง/ถุงมือยางทางการแพทย์ อุปกรณ์และเครื่องใช้อื่นๆ ทางทันตกรรม และอุปกรณ์และเครื่องใช้อื่นๆ ที่เกี่ยวกับนัยน์ตา

2) กลุ่มครุภัณฑ์ทางการแพทย์ (Durable medical device) เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะคงทนถาวร มีอายุการใช้งานไม่ต่ำกว่า 1 ปี ตัวอย่างผลิตภัณฑ์เช่น หีบและชุดปฐมพยาบาล รถเข็นผู้ป่วย เตียงคนไข้ อุปกรณ์และเครื่องใช้ทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ ศัลยกรรม ทันตกรรม เครื่องวินิจฉัยโรคด้วยไฟฟ้า และเครื่องเอ็กซเรย์ เป็นต้น

3) กลุ่มน้ำยาและชุดวินิจฉัยโรค (Reagent and test kit) ได้แก่ ผลิตภัณฑ์น้ำยาเพื่อใช้เตรียมหรือเก็บตัวอย่างจากร่างกาย (อาทิ น้ำยาทดสอบกรุ๊ปเลือด และชุดน้ำยาล้างไต) ชุดตรวจวินิจฉัยโรคเพื่อการเฝ้าระวังการเกิดโรค (เช่น โรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจ) ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ ชุดตรวจการติดเชื้อ HIV และชุดตรวจสารปนเปื้อนในอาหาร

ธุรกิจอุตสาหกรรมทางการแพทย์ที่ยังเติบโตได้ดีต่อเนื่อง จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับ บมจ.บี-52 แคปปิตอล (B52) ที่คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติให้เข้าลงทุนซื้อหุ้นของ บริษัท เว็ทส์ แอนด์ มอร์ จำกัด (V&M) ผู้ประกอบกิจการค้า เครื่องมือแพทย์ และการให้บริการทางการแพทย์ นำเข้า ส่งออกเครื่องมือแพทย์ เวชภัณฑ์ทางการแพทย์ จำนวนรวม 5,500 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้(พาร์) หุ้นละ 100 บาท ในราคาซื้อขายหุ้นละ 1,865 บาท รวมเป็นเงินจำนวน 10,257,500 บาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 55% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว จากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม โดยคาดว่าบริษัทจะเข้าทำรายการ ชำระเงินค่าหุ้น และโอนหุ้นเสร็จภายในไตรมาส 1/66 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อต่อยอดไปยังธุรกิจการค้า เครื่องมือแพทย์ การให้บริการทางการแพทย์ นำเข้า ส่งออกเครื่องมือแพทย์ เวชภัณฑ์ทางการแพทย์