Smart Investment

"พงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี" ช้อป 3 หุ้นเข้าพอร์ต เพิ่มสัดส่วน BA-COM7-FM โผล่ถือ BA-FM จากเดิมไม่ปรากฏรายชื่อ


12 ตุลาคม 2567

ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในช่วงต้นเดือนตุลาคม 2567 ผันผวนอย่างต่อเนื่อง ได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่างประเทศ ประเด็นความวิตกกังวลในเรื่องของความยืดเยื้อของสงครามตะวันออกกลางที่อาจจะลุกลามได้เสมอ ทำให้นักลงทุนหันมาเน้นเก็งกำไรมากขึ้น

พงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี ช้อป 3 หุ้นเข้าพอร์ต.jpg

ทั้งนี้ จากการสำรวจข้อมูลพอร์ตลงทุนของ "พงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี" หรือในวงการตลาดทุนรู้กันในนาม หมอพงศ์ศักดิ์ นักลงทุนรายใหญ่ชื่อดัง พบว่า หุ้นในพอร์ตของหมอพงศ์ศักดิ์ จำนวน 15 บริษัท ที่ปิดสมุดทะเบียนรายชื่อผู้ถือหุ้นเมื่อเดือนกันยายน 2567 มีจำนวน 3 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) BA ,บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) COM7 และบริษัท ฟู้ดโมเม้นท์ จำกัด (มหาชน) FM 

เมื่อนำข้อมูลรายชื่อผู้ถือหุ้นล่าสุดมาเปรียบเทียบกับการรายชื่อผู้ถือหุ้นในครั้งก่อน พบว่า "หมอพงศ์ศักดิ์"ได้เพิ่มสัดส่วนการถือครองหุ้น 1 บริษัท ขณะที่ได้เข้ามาซื้อเพิ่ม 2 บริษัท จากเดิมที่ไม่เคยถือลงทุน โดยมีรายละเอียดประกอบด้วย

หุ้น BA ล่าสุดถือจำนวน 18,546,800 หุ้นคิดเป็น 0.88% จากครั้งก่อนไม่ปรากฏรายชื่อ 

หุ้น FM ล่าสุดถือจำนวน 5,650,000 หุ้นคิดเป็น 0.57 % จากครั้งก่อนไม่ปรากฏรายชื่อ 

หุ้น COM7 ล่าสุดถือจำนวน 476,939,100 หุ้นคิดเป็น 19.87 %จากครั้งก่อน ถือหุ้นจำนวน  67,854,600 หุ้นคิดเป็น19.49%

สำหรับการเคลื่อนไหวราคาหุ้นในเดือนกันยายน 2567 ของหุ้นแต่ละตัวดังนี้ หุ้นBA ปรับตัวเพิ่มขึ้น 10.76% หุ้นFM ปรับตัวลดลง 9.35% และหุ้นCOM7 ลดลง 2.45%

ขณะที่ปัจจุบัน "หมอพงศ์ศักดิ์" ได้ถือครองหุ้นจำนวน 15 บริษัท ประกอบด้วย หุ้น BA จำนวน 18,546,800 หุ้น คิดเป็น 0.88 %COM7 จำนวน 476,939,100 หุ้น คิดเป็น 19.87% ETL 3,627,400 หุ้น คิดเป็น 0.59%FM 5,650,000 หุ้น คิดเป็น 0.57% HL 2,954,300 หุ้น คิดเป็น 1.09%III30,413,600 หุ้น คิดเป็น 3.77% MASTER 6,609,870 หุ้น คิดเป็น 2.5%NTSC 7,430,600 หุ้น คิดเป็น 7.43%PLANB 212,816,700 หุ้น คิดเป็น 4.96%PRI 15,480,000 หุ้น คิดเป็น4.84 %SISB 33,812,500 หุ้น คิดเป็น 3.6% SKY 65,517,000 หุ้น คิดเป็น 9.16%TPL 10,000,000 หุ้น คิดเป็น 1.91 %WARRIX 24,485,600หุ้น คิดเป็น 4.08 %WAVE 286,630,400 หุ้น คิดเป็น 3.11%

บล.ทิสโก้ เผยแพร่บทวิเคราะห์ระบุว่า FM แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 8.30 บาท  ประกาศกำไร 2Q24 เติบโตดีกว่าที่คาด จากการขายธุรกิจการส่งออกไก่แปรรูปปรุงสุก

โดย FM ประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 2/67 ที่ 240 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 168% จากปีก่อน 97% จากไตรมาสก่อน ดีกว่าที่เราและตลาดคาด 11% จากอัตราทำกำไรและค่าใช้จ่ายที่ดีกว่าที่เราคาดไว้ โดยรายได้รวมเติบโต 27% จากปีก่อย และ 9% จากไจรมาสก่อน มาจากธุรกิจไก่ส่งออกแปรรูปและธุรกิจไก่ชำแหละที่เพิ่มขึ้น ทั้งยุโรป ญี่ปุ่น และจีน รวมถึงประเทศอื่นๆที่บริษัทส่งออกมากกว่า 10 ประเทศ สัดส่วนรายได้ธุรกิจไก่แปรรูปปรุงสุกเพิ่มขึ้นคาดที่ 39% จาก 36% จากปีก่อน และ 31% จากไตรมาสก่อน

ขณะที่อัตรามาร์จิ้นเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 17.3% จาก 11.3%จากปีก่อน และ 11.9% จากไตรมาสก่อน จากสัดส่วนธุรกิจไก่แปรรูปที่เพิ่มขึ้นซึ่งมีอัตรามาร์จิ้นมากกว่าไก่สดชำแหละ 3 เท่า 

สำหรับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอยู่ที่ 4.2% ทรงตัว จากปีก่อน แต่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน จากค่าขนส่งทางเรือในการส่งออกที่เพิ่มขึ้น (บริษัทขายสินค้าเป็น CIF กับ FOB 50:50, ค่าขนส่งคิดเป็น 2.2% ของรายได้รวม หรือ 4.4% ของรายได้ส่งออก) ส่งผลให้อัตราทำกำไรสุทธิอยู่ที่ 12.7% เพิ่มขึ้นจาก 6% จากปีก่อน และ 7% ไตรมาสก่อน

โดยกำไรสุทธิครึ่งแรกปี 67 เติบโต 123% YoY คิดเป็น 66% ของกำไรทั้งปี ดีกว่าที่เราคาดไว้ ประมาณการเดิมเราคาดกำไรสุทธิปี 2024F เพิ่มขึ้น 115%YoY และเติบโตต่อเนื่องในปี 2025-26F ที่เฉลี่ย 20% (CAGR2y) จากการขยายกำลังการผลิตธุรกิจไก่แปรรูปปรุงสุกเพิ่มขึ้น 30% ในปี 2026F และขยายไก่สดชำแหละเพิ่มขึ้น 25% ในปี 2026F รองรับการส่งออกเติบโต บริษัทมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง มี D/E ที่ต่ำ และมี ROE ที่สูงมีผลการดำเนินงานที่ทำกำไรต่อเนื่อง

แนวโน้มผลประกอบการ FM เติบโต จากการมุ่งเน้นนวัตกรรมแปรรูปไก่รองรับกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์

คาดผลประกอบการ FM จะเติบโตอย่างยั่งยืน จากปัจจัยบวก 1) ภาพรวมอุตสาหกรรมไก่ยังเป็นอันดับ 1 ในการบริโภคมากที่สุด และประเทศไทยติดในกลุ่ม 5 อันดับแรกในการส่งออกของโลก

2) ประเทศไทยเป็นผู้นำอันดับ 1 ในการผู้ส่งออกไก่แปรรูปปรุงสุก (CAV Products) สอดคล้องกับที่บริษัทมุ่งเน้นธุรกิจกลุ่มนี้ 3) แนวโน้มอุตสาหกรรมไก่ไทยเป็นช่วงขาขึ้น 4) บริษัทมีแผนขยายกำลังการผลิตไก่แปรรูป (CAV Products) มุ่งเน้นสินค้าที่มีอัตราทำกำไรสูงสร้างกำไรเติบโตอย่างยั่งยืน

5) ขยายตลาดส่งออกกลุ่มประเทศใหม่ๆ และยังคงรักษาลูกค้าระดับไฮเอนด์พรีเมี่ยมไว้ 6) พัฒนาออกสินค้าใหม่ปลายน้ำ (downstream) อย่างต่อเนื่อง และ 7) ขยายกำลังการผลิตไก่ชำแหละ เพิ่มประสิทธิภาพห่วงโซ่อุปทาน (supply chain optimization)

ยังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 8.3 บาท อ้างอิง PER ที่ 15x สำหรับราคาหุ้นที่ปิดวานนี้เรามองเป็นโอกาสสะสม จากราคาที่ต่ำ คิดเป็น PER24F ที่ 8.1x ค่อนข้างต่ำ เทียบกับ PER24F ของตลาดกลุ่มนี้ที่ 11X, Dividend yield 4.9% และบริษัทมีฐานะการเงินแข็งแกร่งเป็นเงินสดสุทธิ

พงศ์ศักดิ์-ธรรมธัชอารี-ช้อป-3-หุ้นเข้าพอร์ต.jpg