PTG ดันธุรกิจก๊าซ LPG “แอตลาส เอ็นเนอยี” หรือ ATLAS เข้าตลาดหุ้นไตรมาส 1/68

นายรังสรรค์ พวงปราง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการเงินและความยั่งยืน บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า คาด ATLAS จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในช่วงไตรมาส 1/2568

ขณะที่ทีมข่าวได้ตรวจสอบข้อมูลแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) บริษัท แอตลาส เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ ATLAS พบว่า เป็นผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายก๊าซแอลพีจีในภาคครัวเรือน ภาคขนส่งและภาคอุตสาหกรรม ในลักษณะการค้าปลีกไปยังผู้บริโภคโดยตรง และการค้าส่งให้กับผู้ค้าก๊าซรายย่อยเพื่อนำไปจำหน่ายต่อให้กับผู้บริโภค 

โดย ATLAS มีแผนเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เพื่อเสนอขายหุ้นเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 418,420,000 หุ้น คิดเป็น 29.50% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯในครั้งนี้ โดยมี บริษัท เซจแคปปิตอล จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน 

สำหรับวัตถุประสงค์ของการระดมทุน ประกอบด้วย 1.การลงทุนเพื่อเพิ่มโรงบรรจุก๊าซแอลพีจีและร้านจำหน่ายก๊าซหุงต้มเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจจำหน่ายก๊าซแอลพีจีในภาคครัวเรือน

2.การลงทุนเพื่อเพิ่มถังบรรจุก๊าซหุงต้มเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจจำหน่ายก๊าซแอลพีจีในภาคครัวเรือน 3.การลงทุนเพื่อเพิ่มสถานีบริการก๊าซแอลพีจีเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจจำหน่ายก๊าซแอลพีจีในภาคขนส่ง

4.การลงทุนในโครงการ “PT Auto Transform” เพื่อเพิ่มจำนวนผู้ใช้รถยนต์ที่ใช้ก๊าซแอลพีจีเป็นเชื้อเพลิง 5.การลงทุนเพื่อขยายฐานลูกค้าอุตสาหกรรม และ6.การลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจจำหน่ายก๊าซแอลพีจี

สำหรับ ATLAS เป็นบริษัทย่อยของบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG โดยภายหลัง IPO จะถือหุ้นจำนวน 999,999,400 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนที่ 70.50% จากก่อนเสนอขายอยู่ที่จำนวน 999,999,400 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 100% 

ขณะที่ผลการดำเนินงานของ ATLAS พบว่า มีรายได้จากการจำหน่ายสินค้าและการให้บริการ ในปี 2564 เท่ากับ 11,341.7 ล้านบาท ซึ่งในปี 2565 เพิ่มขึ้นเป็น 17,798.2 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นเป็น 23,234.5 ล้านบาท ในปี 2566 

ส่วนช่วง 6 เดือนแรก ปี 2567  มีรายได้จากการจำหน่ายสินค้าและการให้บริการ เท่ากับ 12,754.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากในงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเท่ากับ 11,290.3 ล้านบาท 

รายได้จากการจำหน่ายสินค้าและการให้บริการมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามการเติบโตของธุรกิจของบริษัทฯ ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ รายได้จากการจำหน่ายสินค้าและการให้บริการของบริษัทฯ โดยเฉลี่ยประมาณ ร้อยละ 99.5 เป็นรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม

ขณะที่ในปี 2564 มีกำไรสุทธิ เท่ากับ 50.1 ล้านบาท โดยในปี 2565  เพิ่มขึ้นเป็น 314.2 ล้านบาท และลดลงเหลือ 232.4 ล้านบาท ในปี 2566 ส่วนในช่วง 6 เดือนแรก ปี 2567 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ เท่ากับ 172.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากในงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 126.3 ล้านบาท

โดยในช่วง 6 เดือนแรก ปี 2567 มีกำไรสุทธิเพิ่มสูงขึ้นจากในงวดเดียวกันของปีก่อน มีสาเหตุหลักมาจากการลงทุนเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2566 ที่ช่วยให้บริษัทฯ เข้าถึงพื้นที่เป้าหมายได้มากขึ้น เมื่อบริษัทฯ เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับจากลูกค้าในพื้นที่ใหม่ๆ มากขึ้น ปริมาณการจำหน่ายก๊าซแอลพีจีของบริษัทฯ ก็เพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นในอัตราที่น้อยกว่า