กระดานข่าว

กองทรัสต์ “ALLY” มองโอกาสลงทุนสินทรัพย์ใหม่ ต่อยอดการใช้แหล่งเงินทุนจากสภาพคล่อง ช่วยหนุน Yield เพิ่มขึ้น พร้อมส่งสัญญาณผลงานไตรมาส 3/67 แนวโน้มดีต่อเนื่อง


21 ตุลาคม 2567

ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ อัลไล หรือ ALLY มองโอกาสลงทุนสินทรัพย์ใหม่ที่มีศักยภาพ 3-5 โครงการ เพื่อต่อยอดการใช้แหล่งเงินทุนจากสภาพคล่องส่วนเกิน ช่วยหนุน Yield เพิ่มขึ้น 1% ต่อโครงการ ส่งสัญญาณผลงานไตรมาส 3/67 แนวโน้มดีต่อเนื่อง หลังได้ผู้เช่ารายใหม่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มธุรกิจอาหาร ความงามและสุขภาพ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ และการศึกษา หนุนอัตราการเช่าพื้นที่ (Occupancy Rate) เฉลี่ยตลอดทั้งปีสูงกว่า 93%

S__3874823.jpg

นายกวินทร์ เอี่ยมสกุลรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อัลไล รีท แมนเนจเมนท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์อัลไล หรือ ALLY เปิดเผยว่า หลังจากที่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ อัลไล มีมติอนุมัติการจัดโครงสร้างเงินทุนของกองทรัสต์ โดยเพิ่มแหล่งเงินทุนจากสภาพคล่องส่วนเกินของกองทรัสต์ ซึ่งจะมาจาก 3 ส่วน ได้แก่ 1) กำไรสะสมของกองทรัสต์ โดย ณ งวดไตรมาส 2/2567 มีกำไรสะสมอยู่ที่ 185 ล้านบาท 2) เงินที่ได้รับจากการจำหน่ายสินทรัพย์หลักๆ ซึ่งอาจเกิดขึ้นในอนาคต และ 3) เงินประกันการเช่า (Deposit) โดยมีระบบบริหารจัดการเงินประกันการเช่าให้มีความพร้อมและสอดคล้องกับสถานะเงินสดของกองทรัสต์ เตรียมต่อยอดนำแหล่งเงินทุนจากสภาพคล่องส่วนเกินมาใช้ลงทุนในทรัพย์สินใหม่เพื่อเพิ่มศักยภาพการบริหารลดต้นทุนการเงินของกองทรัสต์

ปัจจุบัน กองทรัสต์อยู่ระหว่างพิจารณาและมองหาโอกาสการลงทุนในโครงการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง และอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้พัฒนาโครงการคอมมูนิตี้ขนาดเล็ก-กลางที่มีศักยภาพ อย่างน้อย 3-5 โครงการ ซึ่งหากกระบวนการพิจารณาลงทุนแล้วเสร็จ จะต่อยอดโดยการใช้แหล่งลงทุนจากสภาพคล่องส่วนเกินดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มประมาณการณ์อัตราผลตอบแทน (Yield) ได้อย่างน้อย 1% ต่อโครงการ  และจะช่วยเพิ่มผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ นอกจากนี้ การลงทุนทรัพย์สินใหม่ในอนาคตจะมีความคล่องตัวยิ่งขึ้น ช่วยลดภาระอัตราดอกเบี้ยจากการกู้ยืมเงิน และสะท้อนถึงฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของกองทรัสต์

นายกวินทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2567 ได้รับปัจจัยบวกจากผู้เช่ารายพื้นที่ใหม่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจอาหาร ความงามและสุขภาพ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ และการศึกษา ที่มีสัดส่วน 60% ของผู้เช่ารายใหม่ เนื่องจากผู้ประกอบการหลายรายมองหาการพื้นที่ให้เช่าคุณภาพสูงเพิ่มขึ้น คาดว่าจะช่วยหนุนอัตราการเช่าพื้นที่ (Occupancy Rate) เฉลี่ยตลอดทั้งปีไม่ต่ำกว่า 93%