จับประเด็นหุ้นเด่น

สัมภาษณ์พิเศษ : DTCENT ปรับกลยุทธ์สู้ศึก “ยอดขายรถ-กำลังซื้อ” ทรุด เน้น “ออนไลน์-บุก IOT- Smart City”


21 ตุลาคม 2567

เศรษฐกิจที่ชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อและตลาดรถยนต์ ซึ่งบมจ.ดี.ที.ซี. เอ็นเตอร์ไพรส์ (DTCENT) ผู้นำอันดับหนึ่งด้านจีพีเอสติดตามรถ และไอโอที โซลูชั่น ในประเทศไทย จะปรับตัวอย่างไรไปติดตามการสัมภาษณ์นี้กับ “ทศพล คุณะเพิ่มศิริ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ 

สัมภาษณ์พิเศษ DTCENT copy.jpg

บอกเล่าถึงธุรกิจ DTCENT 

บริษัทเป็นหุ้นที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี โดยเราเริ่มทำธุรกิจจากการเป็นอุปกรณ์ติดตั้งในรถ เป็นธุรกิจที่ทำมายาวนานเกือบ 30 ปี เราเป็นผู้พัฒนาตั้งแต่สมัยที่เป็นกล่องดำจนกระทั่งเป็น GPS ที่เป็นที่รู้จักและที่จำเป็นต้องใช้  และปัจจุบันต่อยอดไปเป็นกล้องติดรถยนต์ที่เป็น Realtime  เป็น AI  

การขยายงานไปในทำธุรกิจมือถือ  

ปัจจุบันการใช้โทรศัพท์มือถือ มีความจำเป็นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นบริษัทจึงพัฒนาและขยายตลาดไปยัง Mobile App โดยในส่วนของระบบ BAMS (Business Activity Management System) ซึ่งเป็นซอฟท์แวร์ในมือถือที่จะมาตรวจสอบคนที่ทำงานนอกสถานที่ได้ในทุกธุรกิจ  โดยสามารถตรวจสอบทั้งการเริ่มทำงานและเลิกงานในแต่ละวัน การทำงานในแต่ละวัน  ซึ่งได้เปิดให้บริการบนเว็บไซต์และแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนเรียบร้อยแล้ว มีจำนวนลูกค้าที่ใช้บริการ 45 บริษัท

ส่วนแบ่งทางการตลาดของDTC ในตลาดGPS 

บริษัทยังคงเป็นอันดับหนึ่งในธุรกิจ โดยมี Market Share อยู่ที่ประมาณ 30%  

กลยุทธ์ในการรักษาตำแหน่งผู้นำตลาด

1. สินค้าบริษัทเป็นผู้พัฒนาเอง ทำให้สินค้าของบริษัทตรงกับความต้องการของลูกค้า  

2. ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับ ฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์เป็นสิ่งที่บริษัทต้องควบคุมได้ทั้งหมด รวมทั้งเรื่องแผนที่ (ในประเทศไทย) บริษัทบริหารจัดการเอง 

3. กำลังพิจารณาตั้งร้าน (Shop) เพื่อให้บริการลูกค้าได้ทั่วประเทศและการทำตลาดออนไลน์ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า  

หากลุ่มลูกค้าใหม่รับมือกับยอดขายรถยนต์ที่ลดลง

เราต้องหากลุ่มลูกค้าที่ให้บริการเพิ่มขึ้น ในอดีตบริษัทอาจเน้นกลุ่มลูกค้าที่ทำเรื่องขนส่ง หรือโลจิติกส์ หรือรถยนต์ของบริษัทใหญ่  แต่ปัจจุบันเมื่อบริษัทมี Shop และมีการทำตลาดออนไลน์มากขึ้น โดยมีการตั้งหน่วยงานที่ทำการตลาดด้านออนไลน์โดยเฉพาะขึ้นใหม่  

ดังนั้นการทำการตลาดของบริษัทในระยะต่อไปจะเน้นไปที่ลูกค้ากลุ่ม SMEs ซึ่งเป็นกลุ่มตลาดที่ใหญ่ โดยปัจจุบันบริษัทมีลูกค้ากลุ่มนี้แล้วประมาณ 20% ของพอร์ต  และอีกกลุ่มที่บริษัทจะเน้นได้แก่ ลูกค้าบุคคลโดยเฉพาะการขายในตลาดออนไลน์ 

เป้าหมายการตั้งศูนย์ DTC SHOP 

บริษัทฯ จะเร่งเปิดศูนย์ DTC SHOP ให้ครบจำนวน 20 แห่ง ภายในปีนี้ จากปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว 12 แห่ง ประกอบด้วย สาขาถนนบางนา-ตราด กม.6, สาขาเชียงใหม่, สาขาอุดรธานี, สาขาขอนแก่น, สาขาอยุธยา, สาขานครสวรรค์, สาขาพระราม 2, สาขาแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี, สาขามาบข่า จังหวัดระยอง, สาขาท่าฉาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี, สาขานครราชสีมา และสาขาภูเก็ต โดยมีอุปกรณ์ GPS และกล้องติดรถวางจำหน่าย พร้อมให้บริการติดตั้งซ่อมบำรุง เพื่อให้ครอบคลุมผู้ใช้รถทุกประเภท

กำลังซื้อที่ลดลงอาจมีผลกระทบ 

ต้องยอมรับว่ากระทบลูกค้า ทำให้การขยายตัวของลูกค้าทำได้น้อยลง แต่คิดว่าเมื่อการเมืองเริ่มนิ่ง เศรษฐกิจมีการขับเคลื่อนไปข้างหน้า จะทำให้กำลังซื้อเติบโตขึ้น

วางกลยุทธ์รับมือรถยนต์รุ่นใหม่มักจะติดตั้งระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัย 

ระบบที่ติดตั้งมากับรถยนต์เป็นระบบแค่พื้นฐาน  และบางรุ่นเท่านั้นที่มี GPS แต่ไม่ตอบสนองความต้องการในการใช้งานได้  เพราะปัจจุบันลูกค้าต้องการระบบที่มีความเป็นมืออาชีพ ทำให้ยังเป็นโอกาสของบริษัท  ขณะเดียวกันบริษัทรวมกับพันธมิตรญี่ปุ่น พัฒนาระบบที่มีความทันสมัย  และนำเสนอขายให้กับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์  

สัดส่วนรายได้ในปัจจุบัน

ส่วนใหญ่ประมาณ 90% มาจากธุรกิจGPS  ส่วนที่เหลือมาจากธุรกิจ IOT, Smart City แต่เชื่อว่ากลุ่ม IOT, Smart City ยังมีโอกาสในการเติบโตได้อีกมาก  ซึ่งลูกค้าที่บริษัทจะเข้าไปขยายตลาด Smart City ได้แก่  หน่วยงานภาครัฐ ที่มีความยั่งยืนในการสร้างรายได้ 

ทิศทางการขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้าน

ปัจจุบันเราได้ขยายตลาดไปยังประเทศ สปป.ลาว แต่เนื่องจากสปป.ลาว มีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจในประเทศและค่าเงิน  ทำให้การทำตลาดชะลอออกไป ส่วนประเทศอื่น บริษัทอยู่ระหว่างการพูดคุยกับนักธุรกิจในประเทศกัมพูชา ซึ่งโปรเจคที่คุยเบื้องต้นเป็นเรื่องของ การทำ IOT ด้านการเกษตร และ IOT Smart city  คิดว่าในปี 2568 จะได้เห็นความคืบหน้า ส่วนประเทศอื่นยังเป็นระยะต่อไป  

ตั้งเป้าหมายรายได้ปี 2567 

ผลงานบริษัทปีนี้ยังทรงตัว ไม่หวือหวา เนื่องจากโปรเจคที่ทำเป็นขนาดใหญ่ แต่จะส่งผลดีต่อรายได้ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป โดยปี68 บริษัทตั้งเป้ารายได้แตะที่ 1,000  ล้านบาท  

ฝากถึงนักลงทุน

DTCENT ปัจจุบันเหมือนเสือสุ่ม จริงๆเรามีการลงทุนเรื่อง R&D ค่อนข้างเยอะประมาณ 30% ของงบลงทุน มีการลงทุนด้านอิเล็กทรอนิกส์ ดีไซด์ มี Programmer ที่พัฒนาเรื่องแผนที่ เพื่อสร้างโปรดักส์ใหม่ๆในอนาคต และสร้าง New S Curve ซึ่งถ้าได้รับการสนับสนุนเชื่อว่าเราจะไปได้ไกลขึ้นไปอีก