สัมภาษณ์พิเศษ : DTCENT ปรับกลยุทธ์สู้ศึก “ยอดขายรถ-กำลังซื้อ” ทรุด เน้น “ออนไลน์-บุก IOT- Smart City”
เศรษฐกิจที่ชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อและตลาดรถยนต์ ซึ่งบมจ.ดี.ที.ซี. เอ็นเตอร์ไพรส์ (DTCENT) ผู้นำอันดับหนึ่งด้านจีพีเอสติดตามรถ และไอโอที โซลูชั่น ในประเทศไทย จะปรับตัวอย่างไรไปติดตามการสัมภาษณ์นี้กับ “ทศพล คุณะเพิ่มศิริ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่
บอกเล่าถึงธุรกิจ DTCENT
บริษัทเป็นหุ้นที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี โดยเราเริ่มทำธุรกิจจากการเป็นอุปกรณ์ติดตั้งในรถ เป็นธุรกิจที่ทำมายาวนานเกือบ 30 ปี เราเป็นผู้พัฒนาตั้งแต่สมัยที่เป็นกล่องดำจนกระทั่งเป็น GPS ที่เป็นที่รู้จักและที่จำเป็นต้องใช้ และปัจจุบันต่อยอดไปเป็นกล้องติดรถยนต์ที่เป็น Realtime เป็น AI
การขยายงานไปในทำธุรกิจมือถือ
ปัจจุบันการใช้โทรศัพท์มือถือ มีความจำเป็นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นบริษัทจึงพัฒนาและขยายตลาดไปยัง Mobile App โดยในส่วนของระบบ BAMS (Business Activity Management System) ซึ่งเป็นซอฟท์แวร์ในมือถือที่จะมาตรวจสอบคนที่ทำงานนอกสถานที่ได้ในทุกธุรกิจ โดยสามารถตรวจสอบทั้งการเริ่มทำงานและเลิกงานในแต่ละวัน การทำงานในแต่ละวัน ซึ่งได้เปิดให้บริการบนเว็บไซต์และแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนเรียบร้อยแล้ว มีจำนวนลูกค้าที่ใช้บริการ 45 บริษัท
ส่วนแบ่งทางการตลาดของDTC ในตลาดGPS
บริษัทยังคงเป็นอันดับหนึ่งในธุรกิจ โดยมี Market Share อยู่ที่ประมาณ 30%
กลยุทธ์ในการรักษาตำแหน่งผู้นำตลาด
1. สินค้าบริษัทเป็นผู้พัฒนาเอง ทำให้สินค้าของบริษัทตรงกับความต้องการของลูกค้า
2. ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับ ฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์เป็นสิ่งที่บริษัทต้องควบคุมได้ทั้งหมด รวมทั้งเรื่องแผนที่ (ในประเทศไทย) บริษัทบริหารจัดการเอง
3. กำลังพิจารณาตั้งร้าน (Shop) เพื่อให้บริการลูกค้าได้ทั่วประเทศและการทำตลาดออนไลน์ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า
หากลุ่มลูกค้าใหม่รับมือกับยอดขายรถยนต์ที่ลดลง
เราต้องหากลุ่มลูกค้าที่ให้บริการเพิ่มขึ้น ในอดีตบริษัทอาจเน้นกลุ่มลูกค้าที่ทำเรื่องขนส่ง หรือโลจิติกส์ หรือรถยนต์ของบริษัทใหญ่ แต่ปัจจุบันเมื่อบริษัทมี Shop และมีการทำตลาดออนไลน์มากขึ้น โดยมีการตั้งหน่วยงานที่ทำการตลาดด้านออนไลน์โดยเฉพาะขึ้นใหม่
ดังนั้นการทำการตลาดของบริษัทในระยะต่อไปจะเน้นไปที่ลูกค้ากลุ่ม SMEs ซึ่งเป็นกลุ่มตลาดที่ใหญ่ โดยปัจจุบันบริษัทมีลูกค้ากลุ่มนี้แล้วประมาณ 20% ของพอร์ต และอีกกลุ่มที่บริษัทจะเน้นได้แก่ ลูกค้าบุคคลโดยเฉพาะการขายในตลาดออนไลน์
เป้าหมายการตั้งศูนย์ DTC SHOP
บริษัทฯ จะเร่งเปิดศูนย์ DTC SHOP ให้ครบจำนวน 20 แห่ง ภายในปีนี้ จากปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว 12 แห่ง ประกอบด้วย สาขาถนนบางนา-ตราด กม.6, สาขาเชียงใหม่, สาขาอุดรธานี, สาขาขอนแก่น, สาขาอยุธยา, สาขานครสวรรค์, สาขาพระราม 2, สาขาแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี, สาขามาบข่า จังหวัดระยอง, สาขาท่าฉาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี, สาขานครราชสีมา และสาขาภูเก็ต โดยมีอุปกรณ์ GPS และกล้องติดรถวางจำหน่าย พร้อมให้บริการติดตั้งซ่อมบำรุง เพื่อให้ครอบคลุมผู้ใช้รถทุกประเภท
กำลังซื้อที่ลดลงอาจมีผลกระทบ
ต้องยอมรับว่ากระทบลูกค้า ทำให้การขยายตัวของลูกค้าทำได้น้อยลง แต่คิดว่าเมื่อการเมืองเริ่มนิ่ง เศรษฐกิจมีการขับเคลื่อนไปข้างหน้า จะทำให้กำลังซื้อเติบโตขึ้น
วางกลยุทธ์รับมือรถยนต์รุ่นใหม่มักจะติดตั้งระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัย
ระบบที่ติดตั้งมากับรถยนต์เป็นระบบแค่พื้นฐาน และบางรุ่นเท่านั้นที่มี GPS แต่ไม่ตอบสนองความต้องการในการใช้งานได้ เพราะปัจจุบันลูกค้าต้องการระบบที่มีความเป็นมืออาชีพ ทำให้ยังเป็นโอกาสของบริษัท ขณะเดียวกันบริษัทรวมกับพันธมิตรญี่ปุ่น พัฒนาระบบที่มีความทันสมัย และนำเสนอขายให้กับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์
สัดส่วนรายได้ในปัจจุบัน
ส่วนใหญ่ประมาณ 90% มาจากธุรกิจGPS ส่วนที่เหลือมาจากธุรกิจ IOT, Smart City แต่เชื่อว่ากลุ่ม IOT, Smart City ยังมีโอกาสในการเติบโตได้อีกมาก ซึ่งลูกค้าที่บริษัทจะเข้าไปขยายตลาด Smart City ได้แก่ หน่วยงานภาครัฐ ที่มีความยั่งยืนในการสร้างรายได้
ทิศทางการขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
ปัจจุบันเราได้ขยายตลาดไปยังประเทศ สปป.ลาว แต่เนื่องจากสปป.ลาว มีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจในประเทศและค่าเงิน ทำให้การทำตลาดชะลอออกไป ส่วนประเทศอื่น บริษัทอยู่ระหว่างการพูดคุยกับนักธุรกิจในประเทศกัมพูชา ซึ่งโปรเจคที่คุยเบื้องต้นเป็นเรื่องของ การทำ IOT ด้านการเกษตร และ IOT Smart city คิดว่าในปี 2568 จะได้เห็นความคืบหน้า ส่วนประเทศอื่นยังเป็นระยะต่อไป
ตั้งเป้าหมายรายได้ปี 2567
ผลงานบริษัทปีนี้ยังทรงตัว ไม่หวือหวา เนื่องจากโปรเจคที่ทำเป็นขนาดใหญ่ แต่จะส่งผลดีต่อรายได้ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป โดยปี68 บริษัทตั้งเป้ารายได้แตะที่ 1,000 ล้านบาท
ฝากถึงนักลงทุน
DTCENT ปัจจุบันเหมือนเสือสุ่ม จริงๆเรามีการลงทุนเรื่อง R&D ค่อนข้างเยอะประมาณ 30% ของงบลงทุน มีการลงทุนด้านอิเล็กทรอนิกส์ ดีไซด์ มี Programmer ที่พัฒนาเรื่องแผนที่ เพื่อสร้างโปรดักส์ใหม่ๆในอนาคต และสร้าง New S Curve ซึ่งถ้าได้รับการสนับสนุนเชื่อว่าเราจะไปได้ไกลขึ้นไปอีก