รมช.คลัง เผย! การเปิดลงทะเบียน ‘บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ’ รอบใหม่ เสร็จทัน 31 มี.ค. 68 ปรับเกณฑ์รับสิทธิ์บางราย ต้องเช็กด่วน
วันที่ 21 ต.ค.67 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง เปิดเผยว่า จะนัดประชุมหารือความคืบหน้าการเปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ เร็วๆ นี้ ซึ่งเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังให้มีการทบทวนข้อมูลบัตรสวัสดิการแห่งรัฐใหม่ทุก 2 ปี เพื่อเตรียมความพร้อมการเปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการฯรอบใหม่ช่วงต้นปี 68 และจากนั้นจะคัดกรองคุณสมบัติใหม่ เพื่อให้ได้คนผู้ได้สิทธิทั้งหมดเสร็จทัน ภายในวันที่ 31 มี.ค. 68
โดยปัจจุบันผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 13.5 ล้านคน การคัดกรองคุณสมบัติใหม่จะดูเกณฑ์รายได้ การครอบครองสินทรัพย์ ที่ดิน เพื่อพิสูจน์ฐานะความยากจน ตามเกณฑ์ผู้รับสิทธิ์สวัสดิการ การทบทวนใหม่ เนื่องจากการฝึกอาชีพ และมีรายได้เพิ่มหรือบางคนเสียชีวิต
“หลังจากรัฐบาลโอนเงิน 10,000 บาท ตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ ซึ่งยังพบปัญหาและมีข้อห่วงใยในเรื่องความถูกต้องของข้อมูล เช่น ผู้ที่ได้รับสิทธิ์บางรายยากจนจริงหรือไม่ หรือเป็นผู้พิการจริงหรือไม่ ดังนั้นจึงเห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องรวบรวมฐานข้อมูลเรื่องสวัสดิการของภาครัฐ ที่ให้กับกลุ่มเป้าหมายดังกล่าวไว้ที่เดียว” รมช.คลัง กล่าว
นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรี ยังมอบหมายให้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เป็นผู้ดำเนินการ แต่กรมบัญชีกลาง ก็จะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ในการที่จะต้องรวบรวมฐานข้อมูลด้านสวัสดิการ ว่าอยู่ตรงไหนบ้าง และจะเชื่อมฐานข้อมูลเข้าด้วยกันได้อย่างไร
นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า โดยฐานข้อมูลดังกล่าว มีส่วนสำคัญของการศึกษา เรื่องการใช้ภาษีเพื่อช่วยเหลือหรืออุดหนุนผู้มีรายได้น้อย ที่มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ Negative Income Tax (NIT) ที่กระทรวงการคลัง อยากจะนำมาใช้เป็นระบบในการให้สวัสดิการแก่คนที่มีรายได้น้อยในประเทศ
ซึ่งความยากของการทำ NIT คือถ้าระบบฐานข้อมูลด้านสวัสดิการภาคประชาชน ยังไม่เป็นระบบ การทำ NIT ก็เป็นเรื่องยาก เพราะกลไกในการทำ NIT ให้ประสบความสำเร็จอยู่ที่ฐานข้อมูล ซึ่งที่ผ่านมาจากการศึกษายอมรับว่าการที่มีข้อมูลไม่สมบูรณ์ ไม่ครบถ้วนเป็นอุปสรรคต่อการเดินหน้าของนโยบายนี้
“การจัดระเบียบ เพื่อดูว่าทุกวันนี้หน่วยงานต่างๆ ให้สวัสดิการกี่ประเภท และมีความเหมาะสมถูกต้องหรือเปล่า จากนั้นนำข้อมูลไปปรับใช้ให้สามารถช่วยเหลือคนได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย และวัตถุประสงค์ยิ่งขึ้น หลังจากที่ผ่านมาพบมีบางคนได้สวัสดิการของรัฐสูงถึงเดือนละ 1 หมื่นบาท จึงต้องไปดูให้ข้อมูลเป็นปัจจุบันมากสุด” นายจุลพันธ์ กล่าว
ที่มา : https://www.brighttv.co.th/news/screening-rights
วันที่ 21 ต.ค.67 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง เปิดเผยว่า จะนัดประชุมหารือความคืบหน้าการเปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ เร็วๆ นี้ ซึ่งเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังให้มีการทบทวนข้อมูลบัตรสวัสดิการแห่งรัฐใหม่ทุก 2 ปี เพื่อเตรียมความพร้อมการเปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการฯรอบใหม่ช่วงต้นปี 68 และจากนั้นจะคัดกรองคุณสมบัติใหม่ เพื่อให้ได้คนผู้ได้สิทธิทั้งหมดเสร็จทัน ภายในวันที่ 31 มี.ค. 68
โดยปัจจุบันผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 13.5 ล้านคน การคัดกรองคุณสมบัติใหม่จะดูเกณฑ์รายได้ การครอบครองสินทรัพย์ ที่ดิน เพื่อพิสูจน์ฐานะความยากจน ตามเกณฑ์ผู้รับสิทธิ์สวัสดิการ การทบทวนใหม่ เนื่องจากการฝึกอาชีพ และมีรายได้เพิ่มหรือบางคนเสียชีวิต
“หลังจากรัฐบาลโอนเงิน 10,000 บาท ตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ ซึ่งยังพบปัญหาและมีข้อห่วงใยในเรื่องความถูกต้องของข้อมูล เช่น ผู้ที่ได้รับสิทธิ์บางรายยากจนจริงหรือไม่ หรือเป็นผู้พิการจริงหรือไม่ ดังนั้นจึงเห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องรวบรวมฐานข้อมูลเรื่องสวัสดิการของภาครัฐ ที่ให้กับกลุ่มเป้าหมายดังกล่าวไว้ที่เดียว” รมช.คลัง กล่าว
นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรี ยังมอบหมายให้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เป็นผู้ดำเนินการ แต่กรมบัญชีกลาง ก็จะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ในการที่จะต้องรวบรวมฐานข้อมูลด้านสวัสดิการ ว่าอยู่ตรงไหนบ้าง และจะเชื่อมฐานข้อมูลเข้าด้วยกันได้อย่างไร
นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า โดยฐานข้อมูลดังกล่าว มีส่วนสำคัญของการศึกษา เรื่องการใช้ภาษีเพื่อช่วยเหลือหรืออุดหนุนผู้มีรายได้น้อย ที่มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ Negative Income Tax (NIT) ที่กระทรวงการคลัง อยากจะนำมาใช้เป็นระบบในการให้สวัสดิการแก่คนที่มีรายได้น้อยในประเทศ
ซึ่งความยากของการทำ NIT คือถ้าระบบฐานข้อมูลด้านสวัสดิการภาคประชาชน ยังไม่เป็นระบบ การทำ NIT ก็เป็นเรื่องยาก เพราะกลไกในการทำ NIT ให้ประสบความสำเร็จอยู่ที่ฐานข้อมูล ซึ่งที่ผ่านมาจากการศึกษายอมรับว่าการที่มีข้อมูลไม่สมบูรณ์ ไม่ครบถ้วนเป็นอุปสรรคต่อการเดินหน้าของนโยบายนี้
“การจัดระเบียบ เพื่อดูว่าทุกวันนี้หน่วยงานต่างๆ ให้สวัสดิการกี่ประเภท และมีความเหมาะสมถูกต้องหรือเปล่า จากนั้นนำข้อมูลไปปรับใช้ให้สามารถช่วยเหลือคนได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย และวัตถุประสงค์ยิ่งขึ้น หลังจากที่ผ่านมาพบมีบางคนได้สวัสดิการของรัฐสูงถึงเดือนละ 1 หมื่นบาท จึงต้องไปดูให้ข้อมูลเป็นปัจจุบันมากสุด” นายจุลพันธ์ กล่าว
ที่มา : https://www.brighttv.co.th/news/screening-rights