Talk of The Town
โบรกฯ เตือนหุ้นไทยขึ้นยาก หลังทะยาน 200 จุด ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา แรงซื้อสถาบันเริ่มแผ่ว มูลค่าซื้อขายลดลง
22 ตุลาคม 2567
สถานการณ์หุ้นไทยตอนนี้เริ่มมีสัญญาณแผ่ว นักวิเคราะห์ชี้ SET INDEX มี โอกาสขึ้นได้ยากหรืออาจจะย่อตัวได้ แรงซื้อสุทธิจากสถาบันฯ ลดน้อยลง แถมมูลค่าซื้อขายลดลง ต่างชาติขายสุทธิหุ้นเกือบทุกวันในเดือนนี้
นักวิเคราะห์บริษัท หลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า SET INDEX ขึ้นมาเกิน 200 จุด ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา แต่ช่วงต่อจากนี้ แรงขับน้อยลง ตลาดหุ้นไทยขึ้นได้ยากขึ้น สะท้อนได้จาก
1. มูลค่าซื้อขาย SET INDEX วานนี้เบาลงเหลือ 4.1 หมื่นล้านบาท (คิดเป็น TURNOVER เพียง 55% ต่อปี) ต่ำสุดในเดือนนี้ และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในเดือน ต.ค. ที่ 5.75 หมื่นล้านบาท (MTD) ซึ่งมูลค่าซื้อขายที่จะขับเคลื่อน SET ให้ขยับขึ้นได้ดี ต้องอยู่ในระดับ TURNOVER 70% ต่อปี หรือ เทียบเท่าได้กับมูลค่าซื้อขายปัจจุบันที่ต้องเกิน 5 หมื่นล้านบาท ไม่อย่างนั้น SET INDEX มีโอกาสขึ้นได้ยากหรืออาจจะย่อตัวได้
2. แรงซื้อสุทธิจากสถาบันฯ ลดน้อยลง แม้สถาบันฯ จะซื้อสุทธิหุ้นไทยทุกวันในเดือนนี้ แต่มูลค่าซื้อขายลดลงจาก 3 ถึง 4.6 พันล้านบาทต่อวัน เหลือไม่ถึง 1 พันล้านบาทต่อวันมาแล้ว 3 วันติดต่อกัน แสดงให้เห็นว่าแรงขับเคลื่อนจาก กองทุนเริ่มลดน้อยลง ขณะที่ต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 1.8 หมื่นล้านบาท (MTD) และเป็นการขายสุทธิเกือบทุกวันในเดือนนี้
3. ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินต้นทุนของกองทุนวายุภักษ์ เทียบเท่า SET ที่ 1,460 จุด เบื้องต้นฝ่ายวิจัยฯ ประเมินเฉพาะแรงซื้อส่วนเกินของสถาบันฯ ในเดือน ต.ค. เทียบกับยอดซื้อเฉลี่ยในเดือน ม.ค. - ก.ย. อยู่ที่ 4.52 หมื่นล้านบาท (คาดว่า เป็นเม็ดเงินจากกองทุนวายุภักษ์ที่เข้ามาในตลาดในเดือนนี้) แล้วนำมา คำนวณหาต้นทุนเฉลี่ยเทียบเท่ากับ SET ได้ที่ 1460 จุด
ส่วนแรงซื้อของ สถาบันฯ ทั้งหมดในเดือนนี้ 1.04 แสนล้านบาท มีต้นทุนเฉลี่ยสูงกว่ากองทุนวายุภักษ์เล็กน้อยที่ 1,464 จุด ทำให้ประเมินแนวรับสำคัญจากต้นทุนเฉลี่ย จากเม็ดเงินกองทุนวายุภักษ์ และสถาบันฯ ที่บริเวณ 1,460 – 1,464 จุด
สรุป ดัชนีที่ขึ้นมาใกล้ๆ กับมูลค่าพื้นฐานปีนี้ แต่แรงขับเริ่มน้อยลง ตลาดหุ้นไทยขึ้นได้ยากขึ้น ขณะที่แนวรับสำคัญจากการคิดกลับต้นทุนกองทุนวายุภักษ์และสถาบันฯใน เดือนนี้ที่ 1,460 – 1,464 จุด
นักวิเคราะห์บริษัท หลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า SET INDEX ขึ้นมาเกิน 200 จุด ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา แต่ช่วงต่อจากนี้ แรงขับน้อยลง ตลาดหุ้นไทยขึ้นได้ยากขึ้น สะท้อนได้จาก
1. มูลค่าซื้อขาย SET INDEX วานนี้เบาลงเหลือ 4.1 หมื่นล้านบาท (คิดเป็น TURNOVER เพียง 55% ต่อปี) ต่ำสุดในเดือนนี้ และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในเดือน ต.ค. ที่ 5.75 หมื่นล้านบาท (MTD) ซึ่งมูลค่าซื้อขายที่จะขับเคลื่อน SET ให้ขยับขึ้นได้ดี ต้องอยู่ในระดับ TURNOVER 70% ต่อปี หรือ เทียบเท่าได้กับมูลค่าซื้อขายปัจจุบันที่ต้องเกิน 5 หมื่นล้านบาท ไม่อย่างนั้น SET INDEX มีโอกาสขึ้นได้ยากหรืออาจจะย่อตัวได้
2. แรงซื้อสุทธิจากสถาบันฯ ลดน้อยลง แม้สถาบันฯ จะซื้อสุทธิหุ้นไทยทุกวันในเดือนนี้ แต่มูลค่าซื้อขายลดลงจาก 3 ถึง 4.6 พันล้านบาทต่อวัน เหลือไม่ถึง 1 พันล้านบาทต่อวันมาแล้ว 3 วันติดต่อกัน แสดงให้เห็นว่าแรงขับเคลื่อนจาก กองทุนเริ่มลดน้อยลง ขณะที่ต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 1.8 หมื่นล้านบาท (MTD) และเป็นการขายสุทธิเกือบทุกวันในเดือนนี้
3. ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินต้นทุนของกองทุนวายุภักษ์ เทียบเท่า SET ที่ 1,460 จุด เบื้องต้นฝ่ายวิจัยฯ ประเมินเฉพาะแรงซื้อส่วนเกินของสถาบันฯ ในเดือน ต.ค. เทียบกับยอดซื้อเฉลี่ยในเดือน ม.ค. - ก.ย. อยู่ที่ 4.52 หมื่นล้านบาท (คาดว่า เป็นเม็ดเงินจากกองทุนวายุภักษ์ที่เข้ามาในตลาดในเดือนนี้) แล้วนำมา คำนวณหาต้นทุนเฉลี่ยเทียบเท่ากับ SET ได้ที่ 1460 จุด
ส่วนแรงซื้อของ สถาบันฯ ทั้งหมดในเดือนนี้ 1.04 แสนล้านบาท มีต้นทุนเฉลี่ยสูงกว่ากองทุนวายุภักษ์เล็กน้อยที่ 1,464 จุด ทำให้ประเมินแนวรับสำคัญจากต้นทุนเฉลี่ย จากเม็ดเงินกองทุนวายุภักษ์ และสถาบันฯ ที่บริเวณ 1,460 – 1,464 จุด
สรุป ดัชนีที่ขึ้นมาใกล้ๆ กับมูลค่าพื้นฐานปีนี้ แต่แรงขับเริ่มน้อยลง ตลาดหุ้นไทยขึ้นได้ยากขึ้น ขณะที่แนวรับสำคัญจากการคิดกลับต้นทุนกองทุนวายุภักษ์และสถาบันฯใน เดือนนี้ที่ 1,460 – 1,464 จุด