TMAN ชูศักยภาพผู้นำนวัตกรรมสุขภาพ ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของทุกคนให้ดียิ่งขึ้น
‘บมจ.ที.แมน ฟาร์มาซูติคอล’ หรือ TMAN หนึ่งในผู้นำธุรกิจผลิต และจัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในประเทศไทยมากว่า 50 ปี เข้าจดทะเบียนและซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โชว์ฟอร์มเป็นหุ้นในหมวดของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ ที่ลงทุนเทคโนโลยียกระดับการผลิตและปรับปรุงประสิทธิภาพ มุ่งมั่นคิดค้น วิจัยและพัฒนานวัตกรรมเวชภัณฑ์ยา ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ รุกขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ ก้าวสู่ผู้นำนวัตกรรมสุขภาพที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของทุกคนให้ดียิ่งขึ้น
นายประพล ฐานะโชติพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที.แมน ฟาร์มาซูติคอล จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ” หรือ “TMAN”) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้นำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกวันที่ 22 ตุลาคม 2567 ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค หมวดของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ โดยใช้ชื่อย่อ ‘TMAN’ ในการซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งมั่นใจว่าด้วยศักยภาพของกลุ่มบริษัทฯ ที่วางรากฐานอย่างแข็งแกร่ง ทั้งการคิดค้น วิจัยและพัฒนานวัตกรรมด้านสุขภาพ ทั้งเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ตลอดจนการยกระดับมาตรฐานการผลิตเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในระดับสากลด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ จนถึงการวางกลยุทธ์การตลาดที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยสนับสนุนให้ TMAN เป็นหุ้นที่มีคุณภาพ และได้รับความสนใจจากนักลงทุน โดยบริษัทฯ มีเป้าหมายก้าวสู่ผู้นำนวัตกรรมสุขภาพ ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของทุกคนให้ดียิ่งขึ้น
ทั้งนี้ หลังจากเข้าตลาดหลักทรัพย์ ฯ กลุ่มบริษัทฯ วางงบลงทุนระยะสั้น-กลาง ไม่เกิน 777.5 ล้านบาท แบ่งเป็น 1) โครงการที่อยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างและติดตั้งเครื่องจักร 8 โครงการ มูลค่าลงทุนไม่เกิน 298.5 ล้านบาท ได้แก่ 1.1) โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพร 1.2) โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตกลุ่มยาแผนปัจจุบัน 1.3) โครงการขยายส่วนงานวิจัยและพัฒนา 1.4) โครงการขยายกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 1.5) โครงการพัฒนาระบบงานขายบนระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ 1.6) โครงการซื้อเครื่องมือควบคุมคุณภาพการผลิตกลุ่มยาแผนปัจจุบัน 1.7) โครงการซื้อเครื่องมือควบคุมคุณภาพการผลิตกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และ 1.8) โครงการก่อสร้างคลังสินค้าและอาคารสำนักงาน ซึ่งบริษัทฯ เริ่มดำเนินการแล้วหลายโครงการ
และ 2) บริษัทฯ มีโครงการลงทุนในอนาคตอีก 5 โครงการตามแผนการขยายธุรกิจ มูลค่าลงทุนไม่เกิน 479.0 ล้านบาท ประกอบด้วย 2.1) โครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ 2.2) โครงการขยายกำลังการผลิตกลุ่มยาแผนปัจจุบันครั้งที่ 1 2.3) โครงการลงทุนติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคา (Solar Rooftop) 2.4) โครงการปรับปรุงพื้นที่การผลิตยาแผนปัจจุบัน และ 2.5) โครงการขยายกำลังการผลิตกลุ่มยาแผนปัจจุบันครั้งที่ 2
นายประพล กล่าวว่า หลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว กลุ่มบริษัทฯ วางกลยุทธ์สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมุ่งเน้นสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์ ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างและได้รับการยอมรับ ตลอดจนการพัฒนายารักษาโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เเละกลุ่มยารักษาโรคทางเดินหายใจ เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มโรงพยาบาล ซึ่งเป็นห่วงโซ่ขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมยา โดยปัจจุบันกลุ่มบริษัทฯ มีแบรนด์ทั้งสิ้นกว่า 226 แบรนด์ นอกจากนี้จะวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเพื่อสุขภาพที่หลากหลายและมีคุณภาพ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าอย่างครบถ้วน รวมทั้งการเพิ่มสัดส่วนธุรกิจรับจ้างผลิต (OEM/ODM) และธุรกิจรับจัดจำหน่าย และมุ่งเพิ่มการเติบโตของรายได้จากการขยายการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในต่างประเทศกว่า 22 ประเทศทั่วโลก เพื่อก้าวสู่ Global Brand ในอนาคต
นายทินพันธุ์ หวั่งหลี รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า TMAN เป็นกลุ่มบริษัทฯ ที่ดำเนินธุรกิจผลิต และจัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพชั้นนำของประเทศไทย ที่เป็นหนึ่งในผู้นำการคิดค้น วิจัยและพัฒนาเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพเหมาะสมกับภาวะการณ์ เทรนด์การดูแลสุขภาพในเชิงป้องกันและการรักษา โดยเดินหน้ายกระดับศูนย์วิจัยและพัฒนารวมทั้งโรงงานผลิตที่มีเทคโนโลยีสมัยใหม่ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขันดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังรุกขยายธุรกิจทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ด้วยการวางกลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจอย่างแข็งแกร่ง จะผลักดันให้ TMAN สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
ด้านนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำ มองหุ้น TMAN มีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ด้วยสินค้าเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่หลากหลายกว่า 842 รายการ (SKUs) โดยที่มีผลิตภัณฑ์เป็นที่นิยมในตลาดจำนวนมาก และเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่ง อีกทั้งวางกลยุทธ์ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ 10-12 รายการต่อปี ภายใต้การวิจัยและพัฒนาที่ตอบสนองความต้องการผู้บริโภคได้ตรงจุดและรวดเร็ว การวางกลยุทธ์มุ่งขยายกลุ่มลูกค้าโรงพยาบาลและการรุกขยายตลาดต่างประเทศ จะส่งผลให้ยอดขายทั้งในประเทศและต่างประเทศเติบโตต่อเนื่อง ประกอบกับการบริหารจัดการต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากการกระจายสินค้าให้แก่ลูกค้าโดยตรง โดยนักวิเคราะห์ได้ประเมินมูลค่าพื้นฐานอยู่ที่ 24.0-29.5 บาทต่อหุ้น โดยคาดการณ์แนวโน้มผลประกอบการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปัจจัยดังนี้ 1) การขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์เดิม 2) การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้แบรนด์ของ TMAN 3) ขยายฐานลูกค้ากลุ่มลูกค้าโรงพยาบาล 4) ขยายช่องทางการจัดจำหน่ายที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง 5) ผลักดันการขายในต่างประเทศเพื่อมุ่งสู่การเป็น Global Brand นอกจากนี้กลุ่มบริษัทยังดำเนินธุรกิจรับจัดจำหน่ายภายใต้แบรนด์ของบุคคลภายนอกส่งผลให้มีข้อมูลตลาดและพฤติกรรมของผู้บริโภคในเชิงลึกซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของบริษัท ตลอดจนพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันที่ใส่ใจสุขภาพ ซึ่งเป็นเมกะเทรนด์ของโลก