จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : 9 เดือนต่างชาติยื่นขอส่งเสริมลงทุนผ่าน BOI สูงสุดรอบ 10 ปี “ดาต้าเซ็นเตอร์-ดิจิทัล” มาแรง


24 ตุลาคม 2567

รัฐบาลหนุนการลงทุนต่างชาติ สะท้อนช่วง 9 เดือนแรก ยอดขอส่งเสริมการลงทุนพุ่งสูงสุดรอบ 10 ปี  โดยธุรกิจด้านดาต้าเซ็นเตอร์และดิจิทัล มาแรงเป็นอันดับ 2  ส่งผลดีธุรกิจ บมจ. อินเตอร์เนชั่นแนล เน็ตเวิร์ค ซิสเต็ม (ITNS) ผู้เชี่ยวชาญงานเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร

รายงานพิเศษ ITNS copy.jpg

คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) แจ้งว่า ช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้  คำขอรับการส่งเสริมการลงทุนมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจำนวนโครงการและเงินลงทุน โดยมีจำนวน 2,195 โครงการ เพิ่มขึ้น 46% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มูลค่าเงินลงทุนรวม 722,528 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นยอดลงทุนที่สูงสุดในรอบ 10 ปี 

สะท้อนถึงศักยภาพและพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ดีของประเทศไทย รวมทั้งความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อนโยบายรัฐบาลและมาตรการสนับสนุนของรัฐ ตลอดจนการดึงดูดการลงทุนเชิงรุกของรัฐบาลและบีโอไอ ได้ทำให้เกิดการลงทุนโครงการใหญ่ในอุตสาหกรรมใหม่ ๆ จำนวนมาก เช่น เซมิคอนดักเตอร์และแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ ยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วน และพลังงานหมุนเวียน 

โดยกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ที่มีมูลค่าเงินลงทุนสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า มูลค่า 183,444 ล้านบาท รองลงมา ได้แก่ ดิจิทัล มูลค่า 94,197 ล้านบาท ยานยนต์และชิ้นส่วน มูลค่า 67,849 ล้านบาท เกษตรและแปรรูปอาหาร มูลค่า 52,990 ล้านบาท ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ มูลค่า 34,341 ล้านบาท โดยกิจการที่มีการลงทุนสูงและอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ

เป็นการลงทุนในกิจการ Data Center จำนวน 8 โครงการ เงินลงทุนรวม 92,764 ล้านบาท โดยมีการลงทุนจากบริษัทรายใหญ่สัญชาติอเมริกัน ออสเตรเลีย จีน ฮ่องกง และอินเดียกิจการผลิตอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง ได้แก่ การผลิต Wafer, การออกแบบทางอิเล็กทรอนิกส์,

การประกอบและทดสอบเซมิคอนดักเตอร์และวงจรรวม จำนวน 15 โครงการ เงินลงทุนรวม 19,856 ล้านบาทกิจการผลิตแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCB) และวัตถุดิบสำหรับ PCB จำนวน 55 โครงการ เงินลงทุนรวม 61,302 ล้านบาทกิจการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ และเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ จำนวน 13 โครงการ เงินลงทุนรวม 38,973 ล้านบาทกิจการผลิตเครื่องจักรและอุปกรณ์ ระบบอัตโนมัติ และเครื่องจักรที่มีความแม่นยำสูง จำนวน 117 โครงการ เงินลงทุนรวม 30,515 ล้านบาทกิจการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน จำนวน 351 โครงการ เงินลงทุนรวม 85,369 ล้านบาท

สำหรับการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง มีโครงการยื่นขอรับการส่งเสริมจำนวน 1,449 โครงการ เพิ่มขึ้น 66% เงินลงทุนรวม 546,617 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38%  ซึ่งมูลค่าการลงทุนของสิงคโปร์ที่สูงขึ้น ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนที่บริษัทแม่สัญชาติจีนและสหรัฐอเมริกาในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และ Data Center นำบริษัทลูกที่จดจัดตั้งในสิงคโปร์เข้ามาลงทุนในประเทศไทย

ทั้งนี้การออกบัตรส่งเสริม ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ มีจำนวน 2,072 โครงการ เพิ่มขึ้น 59% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เงินลงทุน 672,165 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 101% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งการออกบัตรส่งเสริมเป็นขั้นตอนที่ใกล้เคียงการลงทุนจริงมากที่สุด โดยปกติบริษัทต่าง ๆ จะเริ่มทยอยลงทุนภายใน 1 - 3 ปี หลังจากออกบัตรส่งเสริม

ทำให้ทิศทางการลงทุนในช่วงปลายปีนี้ต่อเนื่องถึงปีหน้า ยังคงมีแนวโน้มเติบโต แต่สิ่งที่บีโอไอให้ความสำคัญมากกว่าตัวเลขเม็ดเงินลงทุน คือคุณภาพของโครงการ และประโยชน์ที่คนไทยจะได้รับ ซึ่งตอนนี้เป็นจังหวะเวลาสำคัญของประเทศไทยที่จะสามารถสร้างฐานอุตสาหกรรมใหม่ ๆ เพื่อนำไปสู่การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ช่วยต่อยอดฐานอุตสาหกรรมเดิมให้มั่นคง สร้างมูลค่าจากเทคโนโลยีสมัยใหม่ สร้างงาน สร้างโอกาสทางธุรกิจให้ผู้ประกอบการไทย โดยโครงการที่ได้รับอนุมัติจากบีโอไอในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 จะมีการจ้างงานบุคลากรไทยเพิ่มกว่า 1.7 แสนคน จะใช้วัตถุดิบและชิ้นส่วนในประเทศประมาณ 8 แสนล้านบาทต่อปี และจะเพิ่มมูลค่าส่งออกของประเทศอีกกว่า 2 ล้านล้านบาทต่อปี

ธุรกิจที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทส  โดยเฉพาะ Data Center  เป็น 1 ในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่รัฐบาลให้การสนับสนุนส่งเสริมให้เกิดการลงทุน เพื่อสร้างการเติบโตให้กับเศรษฐกิจไทย  ส่งผลดีต่อธุรกิจของ บมจ. อินเตอร์เนชั่นแนล เน็ตเวิร์ค ซิสเต็ม (ITNS)  ฐานะผู้ออกแบบและติดตั้งระบบเครือข่ายและระบบสื่อสารอย่างครบวงจร (System Integrator)  พร้อมทั้งจำหน่ายอุปกรณ์ที่ใช้ในงานเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร การให้บริการซ่อมแซมและบำรุงรักษาอุปกรณ์ และการให้เช่าอุปกรณ์  

โดยบริษัทคาดการณ์แนวโน้มผลการดำเนินงานปีนี้ รายได้เติบโตไม่น้อยกว่า 10-20%  ผ่านกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจขยายฐานรายได้ลูกค้าเก่าและใหม่ และขยายงานกลุ่มให้เช่าอุปกรณ์ ซึ่งมีความสามารถทำกำไรได้สูงและสร้างความต่อเนื่องของรายได้ ทำให้เชื่อมั่นว่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานในปีนี้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้

นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการทำ Due Diligence ในหลายบริษัทและหลากหลายธุรกิจ ซึ่งมีทั้งธุรกิจที่จะช่วยส่งเสริมธุรกิจหลักและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการสร้างความยั่งยืน เพื่อมุ่งสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น