บริษัท อินสไปร์ ไอวีเอฟ จำกัด (มหาชน) หรือ “Inspire IVF” ตอกย้ำความเป็นผู้นำธุรกิจศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากแบบครบวงจร โชว์ความแข็งแกร่งทางการเงิน รวมถึงโมเดลการบริหารที่ช่วยให้ธุรกิจพลิกฟื้นได้อย่างรวดเร็วหลังเผชิญความท้าทายจากโควิด-19 ประกาศความพร้อมสู่เส้นทางการเติบโตครั้งใหม่ภายใต้แนวคิด "Simplicity in Every Step" ทำให้ทุกฝันเป็นเรื่องง่าย และเป็นไปได้จริง มุ่งมั่นเดินเคียงข้างไปกับผู้ใช้บริการในทุกกระบวนการ ชูจุดแข็งด้านทีมงานมืออาชีพ เทคโนโลยี มาตรฐานระดับสากล ความใส่ใจ และเครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแกร่ง เร่งเดินหน้าแผน IPO เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจให้เติบโต สอดรับกับปัจจัยสนับสนุนธุรกิจการรักษาผู้มีบุตรยากที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
นางสาวเกศิณี กุลดิลก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินสไปร์ ไอวีเอฟ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ปัจจุบันความต้องการในตลาดการรักษาผู้มีบุตรยากทั่วโลกมีการเติบโตต่อเนื่อง จากปัจจัยด้านอัตราการเกิดใหม่น้อยลง ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทางการแพทย์ และการตระหนักรู้ประเด็นภาวะมีบุตรยากที่เพิ่มขึ้น ซึ่งประเทศไทยถือเป็นหนึ่งใน Fertility Tourism ที่สำคัญของตลาดท่องเที่ยวสำหรับผู้มีบุตรยาก ด้วยปัจจัยหนุนด้านนโยบายภาครัฐที่ผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการแพทย์ (Medical Hub) ความเชี่ยวชาญของบุคลากรทางการแพทย์ และค่ารักษาพยาบาลที่เข้าถึงได้ ซึ่งที่ อินสไปร์ ไอวีเอฟ เราพร้อมให้บริการด้านการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ทางการแพทย์แบบครบวงจร ตั้งแต่ให้คำปรึกษา ตลอดจนการรักษาอย่างเหมาะสม โดยทีมแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ผู้ชำนาญการด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ มาตรฐานการรักษาด้วยอัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์สูงโดยเฉลี่ยที่ 70-76% ซึ่งถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์เฉลี่ยของประเทศไทย”
อินสไปร์ ไอวีเอฟ มุ่งยกระดับมาตรฐานการรักษาลูกค้าผู้มีบุตรยากและเพิ่มอัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์ของคู่สมรส ภายใต้กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจใหม่ “Simplicity in Every Step” ทำให้ทุกฝันเป็นเรื่องง่าย และเป็นไปได้จริง เพื่อเติมเต็มทุกโอกาสของการมีบุตร พร้อมสร้างฝันของผู้มีบุตรยากให้เกิดขึ้นได้จริงและเป็นเรื่องง่ายในทุกๆ ขั้นตอน เคียงข้างไปกับผู้ใช้บริการทุกท่านด้วยบริการที่มีคุณภาพ คุ้มค่า และครบวงจรด้วยมาตรฐานสากล ผ่านศักยภาพใน 5 ด้านสำคัญ ดังนี้
• ครบครันด้วยบุคลากรผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ทีมผู้ชำนาญการการรักษาผู้มีบุตรยากที่มากด้วยประสบการณ์และครอบคลุมศาสตร์การรักษาในหลายแขนง ทั้งแพทย์ด้านสูตินารีเวช วิสัญญีแพทย์ นักวิทยาศาสตร์เพาะเลี้ยงตัวอ่อน นักวิทยาศาสตร์คัดกรองทางพันธุกรรม พยาบาล ฯลฯ
• ล้ำหน้าด้วยเทคโนโลยีการดูแลที่ทันสมัย มุ่งมั่นพัฒนาและลงทุนในเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ ลดระยะเวลาในการรักษาและเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ป่วย อาทิ EmbryoScope ตู้เลี้ยงตัวอ่อนที่สามารถติดตามการเจริญเติบโตของตัวอ่อนได้แบบเรียลไทม์ พร้อมประเมินคุณภาพตัวอ่อนด้วยเทคโนโลยีเอไอ (AI), LensHooke® เครื่องตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำเชื้อ ที่ครอบคลุมความเข้มข้น การเคลื่อนไหว รูปร่าง รวมถึงโอกาสการติดเชื้อ ฯลฯ
• คว้ามาตรฐานด้านการจัดการคุณภาพระดับสากล อินสไปร์ ไอวีเอฟ ถือเป็นบริษัทแรกของกลุ่มธุรกิจ IVF ในเอเชียที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน AACI (American Accreditation Commission International) จากประเทศสหรัฐอเมริกา และ ISO9001 หรือมาตรฐานระบบการจัดการคุณภาพ (QMS) ซึ่ง AACI ถือเป็นมาตรฐานสากลเดียวในปัจจุบันที่สามารถรับรองได้ทั้ง International Healthcare Standard และ ISO9001 นอกจากนั้น ยังเป็นบริษัทที่สองในกลุ่มธุรกิจ IVF ของโลกที่ได้รับการรับรองจาก Global Healthcare Accreditation ในโปรแกรมเฉพาะ COVID-19 สำหรับการท่องเที่ยงเชิงการแพทย์
• ใส่ใจในทุกข้อกังวลของผู้มีบุตรยาก พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดราวกับคนในครอบครัว เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด บนพื้นฐานของความเข้าใจในความกังวลของผู้ใช้บริการที่มีต่อกระบวนการรักษาที่ซับซ้อน ตลอดจนเสริมสร้างความมั่นใจและเดินเคียงข้างความฝันของผู้รับบริการ
• เครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแกร่ง ด้วยเครือข่ายพันธมิตรที่เข้มแข็ง พร้อมเติบโตร่วมกับบริษัท
แม้ในช่วงปี 2564 อินสไปร์ ไอวีเอฟ ได้รับผลกระทบจากการปิดประเทศในช่วงสถานการณ์โควิด-19 บริษัทฯ ได้ปรับตัวโดยได้เพิ่มการบริการด้าน Wellness ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ตลอดจนวางแผนกลยุทธ์เพื่อแสวงหาโอกาสใหม่ๆ สู่การเติบโตอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน เห็นได้จากผลประกอบการย้อนหลัง 3 ปีที่ผ่านมา (นับตั้งแต่ปี 2564-2566) มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 228.78% โดยแบ่งเป็นรายได้จากการขายและให้บริการ ที่ 11.24 ล้านบาท, 63.31 ล้านบาท และ 121.55 ล้านบาท ตามลำดับ
ทั้งนี้ อินสไปร์ ไอวีเอฟ มุ่งสร้างการเติบโตและขยายผลทางธุรกิจ ที่ครอบคลุมการยกระดับทีมบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ เดินหน้าลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ รวมถึงคัดสรรและพัฒนาศักยภาพเจ้าหน้าที่ให้พร้อมดูแลลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ควบคู่กับการรักษามาตรฐานการบริการอย่างยั่งยืน นอกจากนั้น ยังมีเป้าหมายในการเติบโตสอดคล้องกับแผนการ IPO จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ที่เพิ่งยื่นแบบไฟลิ่งต่อสำนักงานก.ล.ต.ไปเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยมีจุดประสงค์เพื่อนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และใช้ในการขยายสาขาให้บริการทั้งในและต่างประเทศ เพื่อขยายการเติบโตของอินสไปร์ ไอวีเอฟ ไปในระดับนานาชาติ
“อินสไปร์ ไอวีเอฟ ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคม และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อความยั่งยืนของกิจการ และสังคมโดยรวม (ESG) เรามีนโยบายสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) เพราะเชื่อว่าโลกที่น่าอยู่จะช่วยเติมเต็มความสุขให้กับทุกครอบครัวได้อย่างยั่งยืน เราเสริมสร้างจิตสำนึกให้พนักงานทุกคนได้นำองค์ความรู้ที่มีคืนกลับเป็นประโยชน์ให้กับสังคม และให้บริการที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย พร้อมเป็นส่วนสำคัญในเคียงข้างทุกครอบครัว และขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตไปด้วยกัน สะท้อนให้เห็นถึงจุดยืนของเราที่เป็นมากกว่าศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากแบบครบวงจร แต่เรายังมุ่งสร้างแรงบันดาลใจสู่คู่รักนับล้านให้เชื่อว่า การมีครอบครัวเป็นเรื่องง่าย และเป็นไปได้จริงอีกด้วย” นางสาวเกศิณี กล่าวทิ้งท้าย