Talk of The Town
MEDEZE หุ้นร่วง 4 วันติด สวนทางโบรกเกอร์วาดฝัน ธุรกิจอยู่ในช่วงวัฏจักรขาขึ้น?
24 ตุลาคม 2567
ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นบริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MEDEZE ปรับตัวลดลง 5 วันทำการ ภายหลังจากการที่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้เพียง 7 วันทำการ และขณะเดียวกันเป็นการปรับตัวลดลงต่อเนื่อง 4 วันติดต่อกันหากนับรวมในวันนี้ด้วย (24 ต.ค. 67)
ทั้งนี้ล่าสุดของการซื้อขายในภาคบ่ายของวันนี้ ราคาหุ้น MEDEZE ทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 9.80 บาทต่อหุ้น ซึ่งมีระยะห่างจากราคาที่เสนอขายหุ้นไอพีโอที่ 9 บาท แค่เพียง 8% ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ราคาหุ้น MEDEZE เปิดเทรดครั้งแรกราคาหุ้นพุ่งไปกว่า 47%
โดย บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มองว่าธุรกิจของ MEDEZE อยู่ในช่วงวัฏจักรขาขึ้น ผลประกอบการเติบโตดีต่อเนื่องตามธุรกิจ Stem Cellsและ NK Cells จากข้อมูลในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา(ปี 2564-2566) กำไรสุทธิเติบโตเฉลี่ย CAGR ที่ 45% และในครึ่งแรกปี 67 มีกำไรสุทธิ 146 ล้านบาทเติบโต 27% จากปีก่อน
โดยคาดกำไรปี 2567 และ 2568 ที่ 332 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39% จากปีก่อน และ 435 ล้านบาท เพิ่มขึ้น31% จากปีก่อน ตามลำดับ โดยมีมีปัจจัยสนับสนุนจากการเติบโตจาก 1. Organic Growth ราว 20% รับผลบวกจากการเติบโตของธุรกิจตรวจวิเคราะห์ คัดแยก เพาะเลี้ยง และรับฝากเซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cells) โดยเฉพาะรายได้จากการรับฝากเซลล์และเพิ่มจำนวนเซลล์ต้นกำเนิดจากเนื้อเยื่อสายสะคือ
ประกอบกับรายได้จากการเพิ่มจำนวนเซลล์เนื้อเยื่อไขมันที่เพิ่มขึ้น จากการขยายขนาดทีมขายของกลุ่มบริษัทฯทำให้สามารถเข้าถึงฐานลูกค้าได้มากขึ้น และธุรกิจตรวจศักยภาพเซลล์ภูมิคุ้มกัน (NK Cells)จากการเพิ่มจำนวนตัวแทนการให้บริการทั้ง Dealer และ Agent
2)เติบโตจากการขยายธรกิจใหม่เพิ่มขึ้น ได้แก่ธุรกิจปลูกถ่ายเส้นผม โดยใช้เซลล์รากผม (Hair Folicle Cel) ซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่ที่มีแนวโน้มเติบโตสูง และลงทุนติดตั้งระบบ Robotic Cell Culture System ที่ช่วยเพิ่มรายได้และประสิทธิภาพในการทำกำไร
โดยเริ่มต้นคำแนะนำ "ซื้อ" มองว่าธุรกิจของ MEDEZE มีความน่าสนใจ เนื่องจากเป็นธุรกิจเงินสด สภาพคล่องสูง ไม่มีภาระหนี้สิน ธุรกิจอยู่ในช่วงของการเติบโต ด้วยผลประกอบการที่มีแนวโน้มเติบโตดีต่อเนื่องในปี 2567-2568 หากอิงสมมติฐานกำไรปี 2568 ที่ 435 ล้านบาท จำนวนหุ้นหลัง IPO ที่1,068 ล้านหุ้น EPS จะอยู่ที่ 0.41 บาท/หุ้น ประเมิน PER เหมาะสมที่ 31 เท่า ได้มูลค่าพื้นฐานที่ 12.60 บาท มี Upside 40% จากราคา IPO
ด้านนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด คาดผลประกอบการปี 2567-2568 เติบโตเฉลี่ย 20% ต่อปี : ฝ่ายวิจัยประเมินรายได้จากการบริการในปี 2567 - 2568 ราว 845 ล้านบาท และ1,013 ล้านบาท ซึ่งเติบโต 22% และ 20% ตามลำดับ
จากการขยายทีมขายเสนอบริการรับฝากเซลล์และจำนวนตัวแทนการให้บริการ ด้วยสมมติฐานอัตรากำไรชั้นตันเท่ากับ 79% เพิ่มขึ้นจาก 78.4% ในปี 2566 และอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเมื่อเทียบกับรายได้จากการให้บริการเท่ากับ33% และ 36% ตามลำดับ
ส่งผลให้คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2567 - 25668 ราว308 ล้านบาท และ 410 ล้านบาท ซึ่งเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ระหว่าง ปี 2566 - 2568 ราว 20% ต่อปี อัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 36.5% และ 40.5% ตามลำดับ
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด มองว่า อุตสาหกรรมสุขภาพมีศักยภาพเติบโต ซึ่งอุตสาหกรรมการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cells) และบริการตรวจศักยภาพเซลล์ภูมิคุ้มกัน (NK Cels) มีความเกี่ยวข้องกับการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยและความใส่ใจในสุขภาพมากขึ้น
โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องและทันสมัยเกี่ยวกับเซลล์ต้นกำเนิด อัตราความสำเร็จในการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด(Stem Cels) ที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งสัดส่วนของผู้ที่มีรายได้ปานกลางจนถึงสูงซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักมีจำนวนเพิ่มขึ้น
รวมไปถึงการขยายการลงทุนของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าหลัก และความต้องการการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cells) เพื่อใช้รักษาโรคที่เกิดจากการเสื่อมของเซลล์ตามอายุขัยยที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งกระแสการใสใจสุขภาพที่มากขึ้นทั้งนี้ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าเหมาะสมปี 2568 ที่ 11.40 บาทต่อหุ้น
ทั้งนี้ล่าสุดของการซื้อขายในภาคบ่ายของวันนี้ ราคาหุ้น MEDEZE ทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 9.80 บาทต่อหุ้น ซึ่งมีระยะห่างจากราคาที่เสนอขายหุ้นไอพีโอที่ 9 บาท แค่เพียง 8% ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ราคาหุ้น MEDEZE เปิดเทรดครั้งแรกราคาหุ้นพุ่งไปกว่า 47%
โดย บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มองว่าธุรกิจของ MEDEZE อยู่ในช่วงวัฏจักรขาขึ้น ผลประกอบการเติบโตดีต่อเนื่องตามธุรกิจ Stem Cellsและ NK Cells จากข้อมูลในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา(ปี 2564-2566) กำไรสุทธิเติบโตเฉลี่ย CAGR ที่ 45% และในครึ่งแรกปี 67 มีกำไรสุทธิ 146 ล้านบาทเติบโต 27% จากปีก่อน
โดยคาดกำไรปี 2567 และ 2568 ที่ 332 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39% จากปีก่อน และ 435 ล้านบาท เพิ่มขึ้น31% จากปีก่อน ตามลำดับ โดยมีมีปัจจัยสนับสนุนจากการเติบโตจาก 1. Organic Growth ราว 20% รับผลบวกจากการเติบโตของธุรกิจตรวจวิเคราะห์ คัดแยก เพาะเลี้ยง และรับฝากเซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cells) โดยเฉพาะรายได้จากการรับฝากเซลล์และเพิ่มจำนวนเซลล์ต้นกำเนิดจากเนื้อเยื่อสายสะคือ
ประกอบกับรายได้จากการเพิ่มจำนวนเซลล์เนื้อเยื่อไขมันที่เพิ่มขึ้น จากการขยายขนาดทีมขายของกลุ่มบริษัทฯทำให้สามารถเข้าถึงฐานลูกค้าได้มากขึ้น และธุรกิจตรวจศักยภาพเซลล์ภูมิคุ้มกัน (NK Cells)จากการเพิ่มจำนวนตัวแทนการให้บริการทั้ง Dealer และ Agent
2)เติบโตจากการขยายธรกิจใหม่เพิ่มขึ้น ได้แก่ธุรกิจปลูกถ่ายเส้นผม โดยใช้เซลล์รากผม (Hair Folicle Cel) ซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่ที่มีแนวโน้มเติบโตสูง และลงทุนติดตั้งระบบ Robotic Cell Culture System ที่ช่วยเพิ่มรายได้และประสิทธิภาพในการทำกำไร
โดยเริ่มต้นคำแนะนำ "ซื้อ" มองว่าธุรกิจของ MEDEZE มีความน่าสนใจ เนื่องจากเป็นธุรกิจเงินสด สภาพคล่องสูง ไม่มีภาระหนี้สิน ธุรกิจอยู่ในช่วงของการเติบโต ด้วยผลประกอบการที่มีแนวโน้มเติบโตดีต่อเนื่องในปี 2567-2568 หากอิงสมมติฐานกำไรปี 2568 ที่ 435 ล้านบาท จำนวนหุ้นหลัง IPO ที่1,068 ล้านหุ้น EPS จะอยู่ที่ 0.41 บาท/หุ้น ประเมิน PER เหมาะสมที่ 31 เท่า ได้มูลค่าพื้นฐานที่ 12.60 บาท มี Upside 40% จากราคา IPO
ด้านนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด คาดผลประกอบการปี 2567-2568 เติบโตเฉลี่ย 20% ต่อปี : ฝ่ายวิจัยประเมินรายได้จากการบริการในปี 2567 - 2568 ราว 845 ล้านบาท และ1,013 ล้านบาท ซึ่งเติบโต 22% และ 20% ตามลำดับ
จากการขยายทีมขายเสนอบริการรับฝากเซลล์และจำนวนตัวแทนการให้บริการ ด้วยสมมติฐานอัตรากำไรชั้นตันเท่ากับ 79% เพิ่มขึ้นจาก 78.4% ในปี 2566 และอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเมื่อเทียบกับรายได้จากการให้บริการเท่ากับ33% และ 36% ตามลำดับ
ส่งผลให้คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2567 - 25668 ราว308 ล้านบาท และ 410 ล้านบาท ซึ่งเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ระหว่าง ปี 2566 - 2568 ราว 20% ต่อปี อัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 36.5% และ 40.5% ตามลำดับ
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด มองว่า อุตสาหกรรมสุขภาพมีศักยภาพเติบโต ซึ่งอุตสาหกรรมการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cells) และบริการตรวจศักยภาพเซลล์ภูมิคุ้มกัน (NK Cels) มีความเกี่ยวข้องกับการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยและความใส่ใจในสุขภาพมากขึ้น
โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องและทันสมัยเกี่ยวกับเซลล์ต้นกำเนิด อัตราความสำเร็จในการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด(Stem Cels) ที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งสัดส่วนของผู้ที่มีรายได้ปานกลางจนถึงสูงซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักมีจำนวนเพิ่มขึ้น
รวมไปถึงการขยายการลงทุนของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าหลัก และความต้องการการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cells) เพื่อใช้รักษาโรคที่เกิดจากการเสื่อมของเซลล์ตามอายุขัยยที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งกระแสการใสใจสุขภาพที่มากขึ้นทั้งนี้ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าเหมาะสมปี 2568 ที่ 11.40 บาทต่อหุ้น