เกาะติดช่วงประกาศงบไตรมาส 3/2567 อีกหนึ่งกลุ่มที่นักลงทุนเฝ้าจับตาคือ “หุ้นกลุ่มไฟแนนซ์” โดยใน 3 หุ้นหลักๆ ของกลุ่มนี้ พบว่า นักวิเคราะห์คาดการณ์กำไร TIDLOR และ MTC จะเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วน SAWAD มีคาดการณ์ว่ากำไรจะลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
TIDLOR กำไรเติบโต 8.8%
โดย TIDLOR นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด มีความเห็นว่า แนวโน้มไตรมาส 367 คาดกำไรสุทธิ 1,095 ล้านบาท เติบโต 8.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 0.3% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากรายได้ที่ดีขึ้นตามแนวโน้มสินเชื่อ แม้ว่าจะเห็นแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นของ ECL ซึ่งสอดคล้องกับคุณภาพสินทรัพย์ที่ด้อยลง ส่งผลให้ credit cost อยู่ที่ 3.68% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน
พอร์ตสินเชื่อ (Net Loan) ในไตรมาส 3/67 คาดว่าจะอยู่ที่ 101,350 ล้านบาท เติบโต 14.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 2.7% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากการขยายตัวในกลุ่มสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ และรถยนต์ รวมทั้งมีการเปิดสาขาเพิ่มไตรมาส 3/67 จำนวน 37 รวมสาขาทั้งหมด 1,747 สาขา
ทั้งนี้ คาดแนวโน้มกำไรปี 2567 ที่ 4,483 ล้านบาท เพิ่มขึ้นราว 18.26% จากปีก่อน ให้ราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 25 บาท ราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside จึงแนะนำ “ซื้อ”
MTC กำไรเติบโต 17.8%
ขณะที่ MTC นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด มีความเห็นว่า แนวโน้มไตรมาส 3/67 คาดกำไรสุทธิจะอยู่ที่ 1,514 ล้านบาท เติบโต 17.8%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 4.8%จากไตรมาสก่อน โดยสินเชื่อยังเติบโตได้ส่งผลบวกต่อรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ แต่คาด Credit Cost ที่ 3.21% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน
พอร์ตสินเชื่อ (Net Loan) ในไตรมาส 3/67 คาดว่าจะอยู่ที่ 1.67 แสนล้านบาท เติบโต 20.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 8% จากปีก่อน จากสาขาที่มี 8,031 สาขา (เพิ่ม 51 สาขาจากไตรมาสก่อน) รวมทั้งได้รับแรงหนุนมาจากการขยายตัวในกลุ่มสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ และรถจักรยานยนต์
โดยคงแนวโน้มกำไรปี 2567 ที่ 5,544 ล้านบาท เติบโต 13% จากปีก่อน โดยกำไรรวม 3 ไตรมาสที่คาดการณ์คิดเป็นราว 78.4% ของประมาณการทั้งปี ภายใต้สมมติฐานสินเชื่อและรายได้ค่าธรรมเนียมที่เติบโตขึ้น (เป้าบริษัทอยู่ที่ 15-20%จากปีก่อน) แต่มีข้อจำกัดคือ การเพิ่มขึ้นของ credit cost และ จากประมาณการดังกล่าว จึงให้ราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 59 บาท ราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside จึงแนะนำ “ซื้อ”
SAWAD กำไรลดลงสวนกลุ่ม
ส่วน SAWAD นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า คาด SAWAD จะมีกำไรสุทธิในไตรมาส 3/67 ที่ 1,325 ล้านบาท ลดลง 4.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่คาดฟื้นตัวขึ้น 4.7% จากไตรมาสก่อน
แม้คาดการเติบโตของรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิจะค่อนข้างจำกัดที่ 0.5% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากสินเชื่อรวม ที่ทำได้เพียงทรงตัว และ NIM ที่คงที่ในระดับ 15.2% ใกล้เคียงไตรมาส 2/67 จากการใช้นโยบายเพิ่มความ เข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อใหม่ เพื่อควบคุมคุณภาพของสินทรัพย์รวม
แต่คาดจะมีแรงหนุนจาก 1. รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยคาดโต 5% จากไตรมาสก่อน หนุนจากรายได้ค่าธรรมเนียมจากการเป็นนายหน้าประกันที่ ปรับตัวดีขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล
2.ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานคาดลดลง 1.2% จากไตรมาสก่อน คิดเป็น Cost to Income Ratio ที่ 50.1% ลดลงจาก 51.3% ในไตรมาส 2/67 จากทั้งการคุมเข้มค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน และ ผลขาดทุนจากการขายรถยึดที่คาดจะลดลง โดยเฉพาะจากธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์มือหนึ่งของ SCAP ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลบวกจากนโยบายรัฐฯ ที่อัดฉีดเงิน 10,000 บาท ให้กับกลุ่มเปราะบาง ทา ให้การชา ระ หนี้ของลูกหนี้เริ่มปรับตัวดีขึ้นในช่วงปลายไตรมาส
และ 3.คาดการตั้งสำรองทรงตัวใกล้เคียงไตรมาส 2/67 คิด เป็น Credit Cost 2.1% สอดรับกับคุณภาพสินทรัพย์ที่มีเสถียรภาพมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มไตรมาส 4/67 คาดกำไรโตต่อ หลัง SCAP มีพัฒนาการเชิงบวกมากขึ้น จึงคงคาด SAWAD จะมีกำไรสุทธิปี 2567 จำนวน 5,419 ล้านบาท เติบโต 8.4% จากปีก่อน และโตต่อ 14.9% ในปี 2568 แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 51 บาท