"สุระ-พงศ์ศักดิ์" หุ้นใหญ่ COM7 อู้ฟู่ ราคาหุ้น 3 เดือนทะยาน 29.90% ลุ้นเข้า SET50 รอบใหม่ - คาดกำไรQ3 เพิ่มขึ้น
การสำรวจข้อมูลการเคลื่อนไหวราคาหุ้น บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) COM7 ในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา (ส.ค.-ต.ค.67) พบว่าราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 29.90% จากราคา 20.50 บาท มาอยู่ที่ 26.50 บาท (30 ต.ค.67) ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้น 9.57% และหุ้นกลุ่มพาณิชย์ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.05%
จากข้อมูลดังกล่าว เมื่อนำไปพิจารณาในส่วนของโครงสร้างผู้ถือหุ้นพบว่ามีนักลงทุนรายใหญ่อย่าง "สุระ คณิตทวีกุล"เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ถือหุ้นจำนวน 601,310,600 หุ้น คิดเป็น 25.05% และ"พงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี"เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 ถือหุ้นจำนวน 476,939,100 หุ้นคิดเป็น 19.87% ดังนั้น เมื่อราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น จะส่งผลให้มูลค่าการถือครองย่อมสูงขึ้นเช่นกัน
ขณะที่บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ระบุว่า แนะนำถือ หุ้น COM7 ราคาเป้าหมาย 25.20 บาท เนื่องจากแนวโน้มกำไรเติบโตในครึ่งหลังของปี 67 และปี 68 ทั้งนี้เราปรับคำแนะนำจาก “ซื้อ” เป็น “ถือ”เนื่องจากราคาหุ้นขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามคำแนะนำ “ถือ” ของเรายังคงได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของกำไรที่ดีในช่วงครึ่งปีหลังของปี67 และปี 68 (+14% YoY)เนื่องจากเราคาดว่า COM7 จะได้รับอานิสงส์จากยอดขายอุปกรณ์AI ที่แข็งแกร่งและการแย่งส่วนแบ่งตลาดจากผู้ให้บริการโทรคมนาคม ความเสี่ยงที่สำคัญคือเศรษฐกิจที่อ่อนแอขณะที่อัพไซด์ต่อประมาณการอาจมาจากยอดขายโทรศัพท์ AI ที่แข็งแกร่งกว่าที่คาดไว้
เราคาดการณ์ว่ากำไรหลักในไตรมาส 3/67 จะอยู่ที่ 738 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% จากปีก่อน เพิ่มขึ้น 1% จากไตรมาสก่อน โดยอิงจากรายได้ 1.89 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากปีก่อน เพิ่มขึ้น 3% จากไตรมาสก่อน
โดยการเพิ่มขึ้นของรายได้จากปีก่อน คาดว่าจะเกิดจากฐานที่ต่ำในไตรมาส 3/66 ซึ่งมีร้านค้า 42 แห่งปิดเพื่อรีโนเวท ขณะที่การเติบโตของรายได้เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน น่าจะได้รับแรงหนุนจากยอดขาย OPPO Reno 12 Series ( สมาร์ตโฟนAI ที่มีราคาเริ่มต้นที่ 12,000 บาท) และการเปิดตัวโทรศัพท์หน้าจอพับโดย Samsung, HuaweiและXiaomi
ด้านฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CGSI ได้ประเมินหุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 ในรอบครึ่งแรกปี 68 เบื้องต้น ได้แก่ BANPU, SAWAD, COM7, TCAP และหุ้นที่คาดว่าจะออกจาก SET50 ได้แก่ BCP, CENTEL, EA, TIDLOR โดยคาดว่ามูลค่าหลักทรัพย์ที่ไม่ติดอันดับเป็นสาเหตุที่ทำให้หลุดออกจาก SET 50 ทั้งนี้ประเมินจากข้อมูล ณ วันที่ 25 ตุลาคม 2567 หากข้อมูลครบ จะคำนวณใหม่อีกครั้ง
สำหรับหุ้นคาดว่าจะเข้า SET100 ในรอบครึ่งแรกปี 68 ได้แก่ JTS, CCET, COCOCO, PR9 ขณะที่คาดว่าหุ้นที่จะออกจาก SET100 ได้แก่ MBK, RBF, TIPH, TOA สาเหตุที่คาดว่า MBK และ TOA จะหลุดออกจาก SET100 เนื่องจาก Turnover ratio 1% ไม่ครบ 9 ใน 12 เดือน
ส่วน TIPH จะหลุดจาก SET100 เพราะมูลค่าซื้อขายไม่ผ่านเกณฑ์ 25% ของค่าเฉลี่ยรวมทั้งตลาด 9 ใน 12 เดือน และ RBF ที่หลุด เพราะมูลค่าหลักทรัพย์ไม่ติดอันดับ โดยประเมินจากข้อมูล ณ วันที่ 25 ตุลาคม 2567 หากข้อมูลครบ จะคำนวณใหม่อีกครั้ง
โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) น่าจะประกาศรายชื่อหุ้นเข้าออก SET50 และ SET100 ในรอบ ครึ่งแรกปี 68 ในช่วงวันที่ 13 - 18 ธ.ค.2567 และเริ่มใช้วันที่ 1 ม.ค.- มิ.ย. 2568
จากข้อมูลหุ้นที่เข้า SET50 ในช่วงเวลา 8 ปีที่ผ่านมา หรือ 16 รอบของการปรับหุ้นเข้าและออกใน SET50 พบว่าหากซื้อหุ้นที่เข้า SET50 ล่วงหน้า 1 เดือน ก่อนวันเริ่มใช้ SET50 รอบใหม่ จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 3.83%
ขณะที่หากซื้อหุ้นที่เข้า SET50 ล่วงหน้า 2 สัปดาห์ ก่อนวันเริ่มใช้ SET50 รอบใหม่ ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 2.15% ดังนั้น จากข้อมูลดังกล่าวพบว่าผลตอบแทนเฉลี่ยของการเปลี่ยนแปลงหุ้นใน SET50 นั้น หุ้นที่มีโอกาสเข้า SET50 จะให้ผลตอบแทนในเชิงบวก