จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : เศรษฐกิจเวียดนาม Q3/67 โตสูงกว่าคาด เพิ่มโอกาส-หนุนแผนธุรกิจขาย “วินด์ฟาร์ม” EP
31 ตุลาคม 2567
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดเศรษฐกิจเวียดนามไตรมาส 3/67 โตสูงกว่าคาดที่ 7.4%YoY ผลจากการส่งออกและการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่ง และยังส่งผลดีต่อกลยุทธ์การขายโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดของ บมจ. อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป(EP) ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการเป็นจำนวนมาก
โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่าเศรษฐกิจเวียดนามไตรมาสที่ 3/2567 เติบโตอยู่ที่ระดับ 7.40%เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยผลการสำรวจของ Bloomberg ที่ 6.1% และสูงขึ้นจากไตรมาสที่ 2/2567 ที่ 7.09% โดยมีปัจจัยหนุนจากการส่งออกและการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม ส่วนการบริโภคภาคครัวเรือนค่อนข้างทรงตัว
การส่งออกของเวียดนามเร่งตัวขึ้นในไตรมาสที่ 3 จากการฟื้นตัวของอุปสงค์โลกในสินค้ากลุ่มเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องจักร และสินค้าเกษตร ส่วนการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เติบโตชะลอลง
สำหรับทิศทางเศรษฐกิจเวียดนามในช่วงที่เหลือของปี 2567 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าจะเติบโตชะลอลงจาก 9 เดือนแรกที่เติบโต 6.75% จากการส่งออกที่มีแนวโน้มชะลอลง ทั้งปี 2567 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าเศรษฐกิจเวียดนามมีแนวโน้มเติบโตดีกว่าคาดการณ์เดิมมาอยู่ที่ 6.6% จาก 6.0%
จากตัวเลขเศรษฐกิจเวียดนามในไตรมาสที่ 3/2567 ที่ออกมาดีกว่าที่คาดค่อนข้างมาก เนื่องจากการฟื้นตัวของการส่งออกซึ่งมีการปรับเพิ่มคาดการณ์การส่งออกทั้งปี 2024 มาอยู่ที่ระดับ 12.6% จากเดิม 7.5%
เศรษฐกิจเวียดนามที่ยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จะส่งผลดีต่อภาคธุรกิจในประเทศ โดยเฉพาะธุรกิจผลิตไฟฟ้าที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของการบริโภคในประเทศ
ซึ่งต้องยอมรับว่า การลงทุนด้านการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดในเวียดนามได้รับความนิยมจากผู้ประกอบการไทยอย่างต่อเนื่อง รวมทั้ง บมจ. อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป(EP) ที่ได้เข้าไปลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานลมในเวียดนาม
ผลดีจากการเติบโตของเศรษฐกิจ ทำให้เวียดนามกลายเป็นประเทศที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักลงทุนทั่วโลก และยังทำให้โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดเป็นที่ต้องการของนักลงทุน โดย
“ยุทธ ชินสุภัคกุล” ประธานกรรมการ EP ระบุที่ผ่านมามีผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ ให้ความสนใจเข้ามาเจรจาซื้อโรงไฟฟ้าพลังงานลม (วินด์ฟาร์ม) ในประเทศเวียดนาม ของบริษัทฯ ซึ่งมีขนาดกำลังการผลิต 160 เมกะวัตต์ มูลค่าโครงการ 8,420 ล้านบาท โดยปัจจุบันขายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ไปแล้ว 30 เมกะวัตต์ ส่วนที่เหลืออีก 3 โครงการ กำลังการผลิต 130 เมกะวัตต์ เตรียมทยอย COD ตั้งแต่ปลายปี 2567 เป็นต้นไป
"ในช่วงที่ผ่านมามีผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่หลายราย สนใจเข้าลงทุนในวินด์ฟาร์มเวียดนามของ EP เพราะเป็นโครงการที่สำเร็จแล้ว อยู่ในทำเลที่ดี ซึ่งรอเพียง COD เท่านั้น ซึ่งถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายของทางฝั่งรัฐบาลเวียดนามที่ต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง ซึ่งเราอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อเสนอที่ดีที่สุด เพื่อรักษาผลประโยชน์สูงสุดให้กับผู้ถือหุ้น และต้องยอมรับว่าโครงการไฟฟ้าวินด์ฟาร์มในเวียดนามมีความล่าช้ากว่ากำหนดการเดิมออกไปมาก ทำให้บริษัทฯจำเป็นต้องมีการหาพันธมิตรเพื่อแบ่งเบาภาระด้านการลงทุน และการบริหารจัดการเงินทุนให้สอดคล้องกับกระแสเงินสดรับที่ได้จากการขายไฟ" นายยุทธกล่าว
โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่าเศรษฐกิจเวียดนามไตรมาสที่ 3/2567 เติบโตอยู่ที่ระดับ 7.40%เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยผลการสำรวจของ Bloomberg ที่ 6.1% และสูงขึ้นจากไตรมาสที่ 2/2567 ที่ 7.09% โดยมีปัจจัยหนุนจากการส่งออกและการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม ส่วนการบริโภคภาคครัวเรือนค่อนข้างทรงตัว
การส่งออกของเวียดนามเร่งตัวขึ้นในไตรมาสที่ 3 จากการฟื้นตัวของอุปสงค์โลกในสินค้ากลุ่มเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องจักร และสินค้าเกษตร ส่วนการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เติบโตชะลอลง
สำหรับทิศทางเศรษฐกิจเวียดนามในช่วงที่เหลือของปี 2567 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าจะเติบโตชะลอลงจาก 9 เดือนแรกที่เติบโต 6.75% จากการส่งออกที่มีแนวโน้มชะลอลง ทั้งปี 2567 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าเศรษฐกิจเวียดนามมีแนวโน้มเติบโตดีกว่าคาดการณ์เดิมมาอยู่ที่ 6.6% จาก 6.0%
จากตัวเลขเศรษฐกิจเวียดนามในไตรมาสที่ 3/2567 ที่ออกมาดีกว่าที่คาดค่อนข้างมาก เนื่องจากการฟื้นตัวของการส่งออกซึ่งมีการปรับเพิ่มคาดการณ์การส่งออกทั้งปี 2024 มาอยู่ที่ระดับ 12.6% จากเดิม 7.5%
เศรษฐกิจเวียดนามที่ยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จะส่งผลดีต่อภาคธุรกิจในประเทศ โดยเฉพาะธุรกิจผลิตไฟฟ้าที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของการบริโภคในประเทศ
ซึ่งต้องยอมรับว่า การลงทุนด้านการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดในเวียดนามได้รับความนิยมจากผู้ประกอบการไทยอย่างต่อเนื่อง รวมทั้ง บมจ. อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป(EP) ที่ได้เข้าไปลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานลมในเวียดนาม
ผลดีจากการเติบโตของเศรษฐกิจ ทำให้เวียดนามกลายเป็นประเทศที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักลงทุนทั่วโลก และยังทำให้โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดเป็นที่ต้องการของนักลงทุน โดย
“ยุทธ ชินสุภัคกุล” ประธานกรรมการ EP ระบุที่ผ่านมามีผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ ให้ความสนใจเข้ามาเจรจาซื้อโรงไฟฟ้าพลังงานลม (วินด์ฟาร์ม) ในประเทศเวียดนาม ของบริษัทฯ ซึ่งมีขนาดกำลังการผลิต 160 เมกะวัตต์ มูลค่าโครงการ 8,420 ล้านบาท โดยปัจจุบันขายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ไปแล้ว 30 เมกะวัตต์ ส่วนที่เหลืออีก 3 โครงการ กำลังการผลิต 130 เมกะวัตต์ เตรียมทยอย COD ตั้งแต่ปลายปี 2567 เป็นต้นไป
"ในช่วงที่ผ่านมามีผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่หลายราย สนใจเข้าลงทุนในวินด์ฟาร์มเวียดนามของ EP เพราะเป็นโครงการที่สำเร็จแล้ว อยู่ในทำเลที่ดี ซึ่งรอเพียง COD เท่านั้น ซึ่งถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายของทางฝั่งรัฐบาลเวียดนามที่ต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง ซึ่งเราอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อเสนอที่ดีที่สุด เพื่อรักษาผลประโยชน์สูงสุดให้กับผู้ถือหุ้น และต้องยอมรับว่าโครงการไฟฟ้าวินด์ฟาร์มในเวียดนามมีความล่าช้ากว่ากำหนดการเดิมออกไปมาก ทำให้บริษัทฯจำเป็นต้องมีการหาพันธมิตรเพื่อแบ่งเบาภาระด้านการลงทุน และการบริหารจัดการเงินทุนให้สอดคล้องกับกระแสเงินสดรับที่ได้จากการขายไฟ" นายยุทธกล่าว