Smart Investment

“สารัชถ์ รัตนาวะดี” รวยฉ่ำ! เดือนต.ค.หุ้นที่ถือครองทุกตัววิ่งกระฉูด พบ ITC ราคาหุ้นพุ่งแรงสุดกว่า 16.82%


02 พฤศจิกายน 2567
ภาพรวมตลาดหุ้นไทยเดือนตุลาคม 2567  ณ วันที่ 28 ตุลาคม 2567 ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.29 % และมีแรงขายทำกำไรในหุ้นขนาดใหญ่ออกมา ทั้งนี้จากการสำรวจดัชนีหุ้นในกลุ่ม SET 50 เพิ่มขึ้น 1.54% พบว่าหุ้นที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 10% ได้แก่ หุ้น DELTA เพิ่มขึ้น 18.69% รองลงมาเป็น หุ้น ITC เพิ่มขึ้น 16.82% GULF เพิ่มขึ้น 14.47% และหุ้น INTUCH 12.29%

สารัชถ์ รัตนาวะดี รวยฉ่ำ_S2T (เว็บ) copy.jpg

จากข้อมูลดังกล่าว จะเห็นว่าหุ้นที่ปรับตัวขึ้นแรงจะเป็นหุ้นกลุ่มที่มี "เสี่ยกลาง" หรือ นาย สารัชถ์ รัตนาวะดี เป็นผู้ถือหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อม ดังนั้น เมื่อราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นมูลค่าการถือครองย่อมสูงขึ้นเช่นกัน

ปัจจุบัน "เสี่ยกลาง" ได้ถือครองหุ้นโดยตรง ประกอบด้วย หุ้น GULF ถือครองจำนวน 4,202,177,897 หุ้น คิดเป็น 35.81% และหุ้น ITC ถือครองจำนวน 20,027,100 หุ้น คิดเป็น 0.67% 

ขณะที่ GULF ถือครองหุ้น INTUCH จำนวน 1,338,270,150 หุ้น คิดเป็น 41.73% และถือผ่าน GULF ENERGY DEVELOPMENT PCL. จำนวน 180,789,156 หุ้น คิดเป็น 5.64%

นอกนี้หากพิจารณามูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด(Market Cap) แต่ละบริษัทในกลุ่มเสี่ยกลาง พบว่า หุ้น GULF อยู่ที่ 765,588,037,369.50 บาท หุ้น INTUCH อยู่ที่ 335,098,863,082.50 บาท และหุ้น ITC อยู่ที่ 75,000,000,000.00 บาท เมื่อนำมารวมกันทั้ง 3 บริษัท จะมีMarket Cap) อยู่ที่ 1,175,686,900,452.00 บาท 

โดยบล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุว่า ITC ทำธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่อยู่ใน Mega Trend ของโลก มูลค่าตลาดและความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ฝ่ายวิจัยเชื่อว่ายอดขายและกำไรของบริษัทยังอยู่ในขาขึ้นระยะยาว ราคาวัตถุดิบเช่นปลาทูน่าอาจมีผันผวนตามสภาพภูมิอากาศของโลกซึ่งบริษัทสามารถปรับราคาขายเพื่อให้สะท้อนต้นทุนปลาทูน่าได้ ส่วนโลหะอลูมิเนียมที่ใช้ทากระป๋องเป็นแร่ที่สามารถ Recycle ได้ และกว่า 85% ของอลูมิเนียมที่ใช้ในอุตสาหกรรมนั้นมาจากกระบวนการ Recycle จึงคาดว่าจะไม่ผันผวนเท่าไหร่นัก

ยิ่งไปกว่านั้นการที่เจ้าของสัตว์เลี้ยง ดูแลสัตว์เสมือนคนในครอบครัวจะทำให้มีโอกาสที่บริษัทจะขยายสัดส่วนยอดขายสินค้าพรีเมี่ยมที่มี GPM สูงได้มากขึ้น แต่ด้วยธุรกิจที่อยู่ใน Mega Trend ทาให้ดึงดูดคู่แข่งหน้าใหม่เข้าสู่ตลาด อาจเกิดการแข่งขันทางการค้ามากขึ้น อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายคาดว่า ITC มีการทำ Product Innovation จากศูนย์วิจัยอาหารแมว i-Catteryและมุ่งมั่นพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่องจะทาให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทมีความแตกต่างจากสินค้าทั่วไป เป็นจุดแข็งของบริษัทที่จะทาให้ยอดขายเติบโตอย่างยั่งยืน

ราคาพื้นฐานปี 68 ที่ 32.25 บาทต่อหุ้น โดยวิธี DCF

ประเมินราคาพื้นฐานหุ้นด้วยวิธีการ Discounted Cash Flow จาก Free Cash Flow to Equity (FCFE) โดยกำหนดค่า Beta ที่ 0.88 สำหรับปี 2568-2570 และใช้ Adjusted Beta ที่ 0.92 ในปี 2571 เป็นต้นไปสำหรับคำนวน Terminal Value โดยมี Required Rate of Return for Equity (re) ที่ 6.9% สำหรับปี 2568-2570 และ 7.1% สำหรับปี 2571 เป็นต้นไป และมี Sustainable growth rate สำหรับปี 2571 ที่ 2.5% โดยใช้ Estimated retention ratio และ ROE เฉลี่ยของกลุ่มบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน และด้วยตัวธุรกิจที่อยู่ใน Mega Trend ทำให้มีความต้องการสินค้าจำนวนมากและจะมากขึ้นในอนาคต ประกอบกับการที่บริษัทลงทุน R&D พัฒนาสินค้าและขยายกำลังการผลิต เชื่อว่าทั้งหมดนี้จะทำให้สินค้าของ ITC มีความพิเศษและแตกต่าง และสามารถเป็น Cost Leadership ในอุตสาหกรรมได้ ราคาพื้นฐานสำหรับปี 2568 อยู่ที่ 32.25 บาทต่อหุ้น แนะนำ “ซื้อ”

สารัชถ์ รัตนาวะดี รวยฉ่ำ_S2T (เพจ) copy0.jpg