รายงานพิเศษ : ผลงาน SFLEX ดีต่อเนื่อง กำไรไตรมาส 3/67 ทำสถิติสูงสุดใหม่

โบรกเกอร์คาดธุรกิจ บมจ.สตาร์เฟล็กซ์ (SFLEX) ยังเติบโตต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการเป็นผู้นำ flexible packaging และ 2 ดีลใหม่ ช่วยหนุนการเติบโตตั้งแต่ปี 67 ทำสถิติสูงสุดใหม่

นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา  กล่าวถึงสถานการณ์ท่องเที่ยวไทยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-27 ต.ค. 67 มีจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมทั้งสิ้น 28,378,473 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วประมาณ 1,325,359 ล้านบาท 

โดยจำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน 5,660,242 คน มาเลเซีย 4,064,278 คน อินเดีย 1,684,703 คน เกาหลีใต้ 1,506,923 คน และรัสเซีย 1,267,998 คน

สำหรับในช่วงวันที่ 21-27 ต.ค. จากการเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว (High season) ของภูมิภาคยุโรป และภูมิภาคอเมริกา ส่งผลให้นักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดระยะไกล (Long haul) เดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้น 5.15% จากสัปดาห์ก่อนหน้า และเป็นการขยายตัวด้านการเดินทางอย่างต่อเนื่อง 5 สัปดาห์ติดต่อกัน 

ขณะที่นักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดระยะใกล้ (Short haul) โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียที่เป็นกลุ่มตลาดหลัก เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวแล้วกว่า 4 ล้านคน ส่งผลให้ภาพรวมในสัปดาห์นี้ มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสิ้น 584,462 คน เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า 9,320 คน หรือ 1.62% คิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยเฉลี่ยวันละ 83,495 คน

โดย 5 อันดับแรกของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้แก่ จีน 92,517 คน มาเลเซีย 80,873 คน อินเดีย 38,743 คน รัสเซีย 32,491 คน และเกาหลีใต้ 30,862 คน

สำหรับในสัปดาห์ที่ 28 ต.ค.- 3 พ.ย. คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้น จากปัจจัยส่งเสริมการเดินทาง ได้แก่ การมีวันหยุดในเทศกาลดิวาลีในหลายประเทศ อาทิ มาเลเซีย และสิงคโปร์ เข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดระยะไกล (Long haul) โดยเฉพาะตลาดภูมิภาคยุโรป การมีมาตรการ Ease of traveling ของรัฐบาล ที่ช่วยเพิ่มการอำนวยความสะดวกในการเดินทางสู่ไทย การยกเว้นบัตร ตม.6 ในด่านทางบก รวมถึงการกระตุ้นและส่งเสริมให้สายการบินเพิ่มจำนวนเที่ยวบินมากยิ่งขึ้น

การท่องเที่ยวของไทยที่ยังเติบโตได้แข็งแกร่งจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการใช้จ่ายในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และยังส่งผลดีต่อ บมจ.สตาร์เฟล็กซ์ (SFLEX)  ในฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน (Flexible Packaging) สำหรับสินค้าอุปโภคและบริโภค ตามคำสั่งซื้อของลูกค้า (Made to Order) โดยแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ บรรจุภัณฑ์ประเภทม้วน (Roll Form) และบรรจุภัณฑ์ประเภทซอง (Pre Form Pouch)

สะท้อนจากบทวิเคราะห์ของ บล.ดาโอ ที่ระบุว่า ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” SFLEX  โดยมีราคาเป้าหมาย 4.80 บาท อิง 2025E PER ที่ 13.5เท่า (-1.25SD below 4-yr avg. PER โดยไม่รวมปี 2022 ที่กำไรต่ำกว่าปกติ) ซึ่งเทียบเท่า PEG ราว 1.0 เท่า

โดยมองว่า SFLEX มีความน่าสนใจ

1) เป็นหนึ่งในผู้นำ flexible packaging มีลูกค้าหลักเป็นผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำของประเทศ เช่น NEO, Unilever, I.P. Manufacturing, Lion รวมกันราว 60% ของรายได้รวม ซึ่งได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้าหลักมายาวนานและเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

2) ความต้องการ flexible packaging ยังเติบโต จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป และการใช้ทดแทนแบบขวด รวมถึงการขยายกำลังการผลิตของผู้ประกอบการที่ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค

3) มี 2 ดีลใหม่ ช่วยหนุนการเติบโตตั้งแต่ปี 67 ได้แก่ 1) SPV ด าเนินธุรกิจบรรจุภัณฑ์กระดาษคุณภาพสูงที่เวียดนาม เริ่มรับรู้กำไรไตรมาส 1/67 และ 2) Star Union ร่วมทุนกับ TU ผลิตและจำหน่าย flexible packaging ให้กับ TU และผู้ประกอบการรายอื่น โดยจะเริ่มรับรู้รายได้ปลายปี 67

โดยเราประมาณการกำไรปี 67-68 ที่ 258 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% จากปีก่อน และ 293 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% จากปีก่อน สำหรับกำไรไตรมาส 3/67 จะดีขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ โดยมีคำสั่งซื้อใหม่จาก Nipro บรรจุภัณฑ์เครื่องมือทางการแพทย์, ส่วนแบ่งกำไร SPV เพิ่มขึ้น เพราะเป็นช่วง high season 

ส่วนปี 67 จะดีขึ้นทั้งจากธุรกิจเดิม ทั้งลูกค้าหลัก และ Nipro ที่เพิ่มขึ้น และเริ่มรับรู้กำไรจาก Star Union นอกจากนั้น GPM จะยังทรงตัวสูงในระดับ 24 % จากกลยุทธ์เพิ่มสินค้า high margin และลด low margin 

ทั้งนี้ราคาหุ้น underperform SET -18%/-4% ในช่วง 3 และ 6 เดือน ซึ่งสวนทางกับกำไรไตรมาส 1/67 และไตรมาส 2/67 ที่โดดเด่นทำ สถิติสูงสุดใหม่ 

ทั้งนี้ เราแนะนำ “ซื้อ” จากกำไรในไตรมาส 3/67 ที่มีลุ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง และปี 68 จะยังเติบโตสดใส ด้าน valuation น่าสนใจ เทรดปี 67 PER ที่ 10.5เท่า และ ปี68 PER ที่  9.3 เท่า คิดเป็น -1.75SD below 4-yr avg. PER และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่ม Packaging ที่ 16.0 เท่า