จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : ไทยจับมือสปป.ลาวขนส่งสินค้าทางรางไร้รอยต่อ หนุนไทยสู่ฮับอาเซียน ดันผลงาน LEO แกร่ง


04 พฤศจิกายน 2567

การขนส่งสินค้าทางรางมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดไทยได้ร่วมมือกับ สปป.ลาวและจีน สนับสนุนการขนส่งสินค้าที่มีการเติบโตต่อเนื่อง คาดปี68 แตะ 30 ล้านบาท ผลักดันผลงานบมจ. ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ (LEO) ครึ่งหลังของปี 67 เติบโตแข็งแกร่ง

รายงานพิเศษ ไทยจับมือสปป.ลาวขนส่งสินค้าทา.jpg

นายวีริศ  อัมระปาล  ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ระบุ รัฐบาลให้ความสำคัญในการพัฒนาระบบราง ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งหลักของประเทศ จึงได้มอบหมายให้ รฟท. เร่งดำเนินการผลักดันและพัฒนาการขนส่งทางราง โดยเฉพาะการขนส่งสินค้าระหว่างไทย -ลาว - จีน ซึ่งเป็นเส้นทางที่สามารถเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมทางรางให้เกิดการเจริญเติบโตสู่ภูมิภาค ส่งเสริมและกระตุ้นเศรษฐกิจ สอดรับกับแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศ

โดยได้จัดให้มีการลงนามร่วมกัน  เพื่ออำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าทางรถไฟและการให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างไทย - สปป.ลาว เช่น  เส้นทางขนส่ง จุดเข้า - ออกประเทศ การจัดขบวนรถและตารางเดินรถ กฎข้อบังคับและเอกสารการขนส่งสินค้า กฎข้อบังคับการเดินรถ การให้ความช่วยเหลือในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ การชำระบัญชี  ซึ่งจะสามารถขนส่งสินค้าร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ปัจจุบันการขนส่งสินค้าจากประเทศไทย ไปยัง สปป.ลาว และ จีน มีหลากหลายชนิด เช่น  ข้าวมอลต์  ปุ๋ย อะไหล่รถยนต์ สินค้าอีคอมเมิร์ช สินค้าอุปโภคบริโภค และผลไม้ เฉลี่ยวันละ 4 - 6 ขบวน ไป/กลับ โดยเฉพาะสินค้าเกษตร (ทุเรียน) และสินค้าที่มาจากแหลมฉบัง ผ่านสถานีนาทาฝั่งประเทศไทย ไปยังสถานีขนถ่ายสินค้าท่านาแล้ง สปป.ลาว เพื่อกระจายสินค้าไปยัง สปป. ลาว และสาธารณรัฐประชาชนจีน ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้น โดยในช่วงปี 2566 มีรายได้จากการขนส่งสินค้าระหว่างไทย - สปป.ลาว จำนวน 11,361,000 บาท และช่วงเดือนตุลาคม 2566 - สิงหาคม 2667 มีรายได้เพิ่มขึ้น จำนวน 26,749,500 บาท  ซึ่งคาดว่าในปี 2568 จะมีรายได้เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 30 ล้านบาท

"เชื่อมั่นว่า ความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่จะช่วยขยายโครงข่ายคมนาคมทางราง ยกระดับการขนส่งสินค้าทางรางทั้งสองประเทศ ก่อให้เกิดการเจริญเติบโตทางการค้าระหว่างประเทศที่สำคัญ ทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางรางในภูมิภาคอาเซียนได้" นายวีริศ กล่าว

นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ (LEO) มั่นใจผลการดำเนินงานในครึ่งหลังของปี 2567 จะเติบโตต่อเนื่อง จากการเริ่มรับรู้รายได้จากกลุ่มธุรกิจใหม่ เช่น Self Storage & Wine Storage สาขา ถนนพระราม 4 รวมทั้งโครงการ JV ที่ได้จัดตั้งในปี 2566  เช่น การขนส่งทางรางไปยังประเทศจีน-ลาว ของบริษัท LaneXang Express ที่มีรายได้แล้วในไตรมาส 2/2567 จำนวน 3.2 ล้านบาท และการขนส่งสินค้าทางรางภายในประเทศของบริษัท Sritrang LEO Multimodal Logistics ที่มีรายได้แล้วในไตรมาส 2/2567 จำนวน 19 ล้านบาท รวมถึงการให้บริการศูนย์โลจิสติกส์และกระจายสินค้าของบริษัท Advantis LEO

ซึ่งทั้ง 3 บริษัทจะมีรายได้เพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญในไตรมาส 3-4/2567 และเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ของบริษัทในการเพิ่มรายได้จากธุรกิจ Non-Freight และ Non-Logistics ให้เติบโตอย่างต่อเนื่องใน 1-2 ปีข้างหน้า

LEO