PTT ไตรมาส 3 กำไรทรุด! โบรกฯ คาดเหลือแค่ 1.6 หมื่นลบ. ดิ่ง 49% เหตุงบบริษัทลูก-ธุรกิจก๊าซฉุด
จับตาวันที่ 13 พ.ย.นี้ คาดบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3/67 นักวิเคราะห์ชี้อาจรายงานกำไรสุทธิเหลือเพียง 1.6 หมื่นล้านบาท ลดลงกว่า 55% จากไตรมาสก่อน และลดลง 49% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยความเห็นนักวิเคราะห์บริษัท หลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินไตรมาส 3/67 จะมีกำไรสุทธิ 1.6 หมื่นล้านบาท ลดลง 55% จากไตรมาสก่อน และลดลง 49% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ถือเป็นไตรมาสที่อ่อนแอจากทั้งผลประกอบการของบริษัทลูก และธุรกิจก๊าซที่ PTT ดำเนินงานเอง
ทั้งนี้เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/67 แม้ประเมินว่าการแข็งค่าของเงินบาทจะทำให้มีโอกาสรับรู้กำไร FX และ Hedging จำนวนมากราว 2.7 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตาม ประเด็นดังกล่าวไม่สามารถชดเชยประเด็นลบจากธุรกิจบริษัทลูกที่ลดลงจากไตรมาสก่อนทั้งหมด
โดยธุรกิจพลังงานต้นน้ำได้รับแรงกดดันจากการปิดซ่อมบำรุงแหล่งผลิต, ธุรกิจโรงกลั่น และปิโตรเคมีพลิกเป็นขาดทุนจากลดลงของค่าการกลั่น ขาดทุนสต็อกน้ำมัน ด้อยค่าสินทรัพย์จำนวนมากของ PTTGC, ธุรกิจค้าปลีกน้ำมันได้รับผลกระทบจากขาดทุนสต็อก, ธุรกิจไฟฟ้า ถูกกดดันจากต้นทุนเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น
ขณะที่ธุรกิจก๊าซที่ PTT ดำเนินงานเอง คาดอ่อนแอลงจากไตรมาสก่อน เนื่องจาก 1.ปริมาณขายลดลงสาเหตุหลักจากอุปสงค์การใช้ไฟฟ้าลดลงตามฤดูกาล และการผลิตไฟฟ้าจาก พลังงานน้ำเพิ่มขึ้น
2.อัตราใช้กำลังผลิตของโรงแยกก๊าซ (GSP) ต่ำลงเพราะเป็นช่วงปิดซ่อมบำรุง หน่วยผลิตที่ #1 #5 #6 และลูกค้าปิโตรเคมีปิดซ่อมบำรุง 3. ต้นทุนก๊าซเพิ่มขึ้นตามราคา LNG ในตลาดโลก 4.ขาดทุนธุรกิจ NGV เพิ่มขึ้น
ส่วนช่วงที่เหลือของปี ผลประกอบการของ PTT ยังมีความผันผวนจากนโยบายแทรกแซงพลังงานของ ภาครัฐ โดยแนะนำให้ติดตามการเรียกคืนค่า Shortfall เพื่อลดต้นทุนพลังงาน ซึ่งอาจเป็นปัจจัยกดดัน ต่องบไตรมาส 4/67 เพิ่มเติมได้ ทั้งนี้ หุ้นมีประเด็นบวกจากความคืบหน้าพิจารณาปรับโครงสร้างคำนวณ ต้นทุนก๊าซรูปแบบใหม่อย่างเป็นทางการ ซึ่งคาดว่าจะช่วยบรรเทาผลกระทบจากการคำนวณต้นทุนก๊าซภายใต้โครงสร้าง Single Pool Price ในปัจจุบันได้
สำหรับแนวโน้มไตรมาส 4/67 คาดผลประกอบการฟื้นตัวจากฐานต่ำ โดย 1.ธุรกิจโรงกลั่น และปิโตรเคมีได้ประโยชน์จากค่าการกลั่นฟื้นตัว ไม่มีขาดทุนสต็อก และด้อยค่าสินทรัพย์จำนวนมากกดดัน
2. ธุรกิจค้าปลีกน้ำมันได้ประโยชน์จาก High Season ของการท่องเที่ยว 3. อัตราใช้กำลังผลิตโรงแยกก๊าซฟื้นตัวเพราะ ไม่มีแผนปิดซ่อมบำรุง 4. ต้นทุนก๊าซชะลอตัวจากไตรมาสก่อน จากแผนนำเข้า LNG ลดลง
อย่างไรก็ตาม ประมาณการยังไม่รวมแผนทบทวนกลยุทธ์การลงทุนธุรกิจ Non-Hydrocarbon (EV และ Life Science) ซึ่งที่ผ่านมาอุตสาหกรรมมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ทำให้เป็นความเสี่ยงบันทึก Impairment
ดังนั้นคงคำแนะนำ TRADING ราคาเหมาะสม 38.00 บาท โดยมีมุมมองเป็นกลางต่อ PTT ซึ่งหุ้นมีจุดเด่น จากธุรกิจกระจายตัวครบวงจร ทำให้ผลประกอบการสม่ำเสมอ เหมาะกับการลงทุนรับเงินปันผล
โดยราคาปัจจุบันหุ้นมี Dividend Yield ราว 5% อย่างไรก็ตาม เชิงกลยุทธ์นักลงทุนอาจรอจังหวะเข้าลงทุนหลัง รายงานงบไตรมาส 3/67 และหากผลงาน 9 เดือนปี 67 เป็นไปตามคาด จะคิดเป็น 81% ของประมาณการกำไรสุทธิปี 2567 ที่ 1 แสนล้านบาท