หากจะพูดถึงหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์หรือกลุ่มสินเชื่อหนึ่งในบริษัทที่นักลงทุนได้ให้ความสนใจอย่างไม่ขาดสายก็จะมีบริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR อยู่ในลิสต์อย่างแน่นอน ด้วยระดับการเติบโตอย่างต่อเนื่องของผลการดำเนินงานในตลอดช่วงที่ผ่านมา
แต่เมื่อในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ก็ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ก็คือการปรับโครงสร้างการถือหุ้นและจัดตั้งบริษัทมหาชนจำกัดแห่งใหม่ คือ บริษัท ติดล้อ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทลงทุน (Holding Company) เพื่อเป็นบริษัทใหญ่ของกลุ่มบริษัท
โดยความคืบหน้าในปัจจุบันบริษัทก็ยังอยู่ระหว่างปรับโครงสร้างเป็น ติดล้อ โฮลดิ้งส์ ซึ่งในขั้นตอนต่อไปก็จะเริ่มทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัท Tender Offer (Share Swap หุ้น TIDLOR เดิม กับ TIDLOR ใหม่ที่เป็น Holding Company ในอัตรา 1:1) ในปลายเดือน พ.ย. นี้ และกระบวนการทั้งหมดจะแล้วเสร็จในไตรมาส 4/67
สำหรับการปรับโครงสร้างครั้งนี้ บริษัทต้องการที่จะลดความสับสนของนักลงทุนจากการจ่ายหุ้นปันผล โดยจะเพิ่มความยืดหยุ่นในการจ่ายเงินปันผลในรูปแบบเงินสด รวมถึงการลดความสับสนของนักลงทุนเกี่ยวกับราคาหุ้น (Dilution) และกำไรต่อหุ้น (EPS) เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจในศักยภาพของบริษัทให้กับนักลงทุนได้เพิ่มขึ้น
ในแง่ของการประกอบธุรกิจ เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจทั้งด้านสินเชื่อและนายหน้าประกัน เพิ่มความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น และยังช่วยเพิ่มโอกาสขยายธุรกิจไปยังธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งเป็นการเพิ่มโอกาสในการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจผ่านการควบรวมกิจการหรือการร่วมลงทุน ซึ่งจะช่วยสร้างการเติบโตในระยะยาว
ด้านนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) คาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 4/67 ที่ 1,044 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวปีก่อน 16% เนื่องจากการตั้งสำรองที่ลดลง แต่อย่างไรก็ดี จะทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า ผลกระทบจากการเติบโตของสินเชื่อคาดว่าจะถูกกลบด้วยค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่สูงขึ้น
ส่วนทั้งปี 2567 คาดกำไรสุทธิจะอยู่ที่ 4,327 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 14% หนุนจากการขยายตัวของสินเชื่อที่เติบโตขึ้น 13% และค่าคอมมิชชั่นการขายประกันที่สูงขึ้น ขณะที่ปี 2568 คาดกำไรสุทธิยังเติบโตได้ต่อเนื่อง จะอยู่ที่ 4,950 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 14% หนุนโดยการเติบโตของสินเชื่อที่ 13%
ทั้งนี้ แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 23 บาท เนื่องจากมูลค่าหุ้นในปัจจุบันไม่แพง และยังได้สะท้อนความกังวลส่วนใหญ่ของตลาดเกี่ยวกับคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทแล้ว ทั้งนี้ในปี 2565-2566 ตลาดเริ่มมีความกังวลเกี่ยวกับคุณภาพสินทรัพย์ของ MTC ในช่วงนั้น MTC มีการซื้อขายที่ PE ประมาณ 14 เท่า ซึ่งสูงกว่าค่า PE ปัจจุบันของ TIDLOR ที่ 10.4 เท่า