Talk of The Town
เครือปูนซิเมนต์ไทย - กลุ่มปตท. เมื่อผลประกอบการเจอความท้าทาย ฉุดมูลค่าบริษัทหายกว่า 4.4 แสนล้านบาท
06 พฤศจิกายน 2567
สองกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ในตลาดหุ้นไทย ทั้งกลุ่มบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) หรือ SCC และกลุ่มบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เจอความท้าทายกดดันผลประกอบการ ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงอย่างร้อนแรง ฉุดมูลค่าบริษัทหายไปรวมกันกว่า 4.40 แสนล้านบาทจากสิ้นปี 2566
โดยหุ้นในกลุ่มปูนซิเมนต์ไทยทั้ง SCC SCGP และ SCGD รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2567 ออกมาไม่สวยงาม โดยมีกำไรสุทธิลดลงทั้ง 3 บริษัท ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลง ขณะที่แนวโน้มปิโตรเคมีอยู่ในช่วงขาลง และมีอุปทานที่มากขึ้นจากจีน โดยอิงข้อมูลสิ้นสุดวันที่ 5 พ.ย.67 พบว่า SCC มีมาร์เก็ตแคปลดลงว่า 118,800 ล้านบาท จากสิ้นปี 2566 อยู่ที่ 367,200 ล้านบาท
ส่วน SCGD มีมาร์เก็ตแคปลดลงว่า 5,445.00 ล้านบาท จากสิ้นปี 2566 อยู่ที่ 16,500 ล้านบาท และSCGP มีมาร์เก็ตแคปลดลงว่า 41,855.97 ล้านบาท จากสิ้นปี 2566 อยู่ที่ 154,545.13 ล้านบาท
ด้านกลุ่มบริษัท ปตท. เช่นกัน ผลประกอบการไตรมาส 3/2567 มีโอกาสลดลงอย่างมาก ทั้งจะมีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันก้อนใหญ่จาก PTTGC, TOP, IRPC และ PTT รวมทั้งราคาน้ำมันดิบดูไบลดลง
ทั้งนี้แรงกดดันดังกล่าว ทำให้ราคาหุ้นกลุ่ม ปตท. ปรับตัวลดลงอย่างมาก เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2566 โดยอิงข้อมูลสิ้นสุดวันที่ 5 พ.ย.67 พบว่า GPSC มาร์เก็ตแคปหายไปกว่า 15,508.51 ล้านบาท จากสิ้นปี 2566 อยู่ที่ 136,756 ล้านบาท
ส่วน IRPC มาร์เก็ตแคปหายไปกว่า 10,421.56 ล้านบาท จากสิ้นปี 2566 อยู่ที่ 41,277.53 ล้านบาท ขณะที่ OR มาร์เก็ตแคปหายไปกว่า 43,200 ล้านบาท จากสิ้นปี 2566 อยู่ที่ 229,200 ล้านบาท
PTT มาร์เก็ตแคปหายไปกว่า 57,126 ล้านบาท จากสิ้นปี 2566 อยู่ที่ 1,021,127.12 ล้านบาท ทำให้มาร์เก็ตแคปลดอยู่ในระดับต่ำกว่า 1 ล้านล้านบาทไปเรียบร้อย
ด้าน PTTEP มาร์เก็ตแคปหายไปกว่า 73,444.73 ล้านบาท จากสิ้นปี 2566 อยู่ที่ 593,512.82 ล้านบาท ส่วน PTTGC มาร์เก็ตแคปหายไปกว่า 54,106.19 ล้านบาท จากสิ้นปี 2566 อยู่ที่ 173,590.69 ล้านบาท และ TOP มาร์เก็ตแคปหายไปกว่า20,662.98 ล้านบาท จากสิ้นปี 2566 อยู่ที่ 120,068.66 ล้านบาท