Wealth Sharing
TU โชว์ไตรมาส 3/67 กำไรพุ่ง หลังยอดขาย-ปริมาณขายเพิ่มขึ้น หนุนงบ 9 เดือนกำไรโต 15%
06 พฤศจิกายน 2567
บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU เปิดเผยว่า ในไตรมาส 3 ปี 2567 บริษัทฯ รายงานยอดขายอยู่ที่ 34,840 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการเติบโตจากการดำเนินงานปกติเพิ่มขึ้น 3.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยด้านอัตราแลกเปลี่ยนมีผลกระทบเชิงลบต่อผลประกอบการโดยรวมในไตรมาสนี้เนื่องจากเงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเหรียญสหรัฐ (เฉลี่ยที่ 34.81 บาทต่อเหรียญสหรัฐลดลง 1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน)
อย่างไรก็ดี ปริมาณขายเติบโตเพิ่มขึ้น 10.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการฟื้นตัวของความต้องการซื้อสำหรับธุรกิจอาหารทะเลแปรรูป ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง และธุรกิจผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่า
โดยในไตรมาส 3/67 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1,400 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 4.0% อย่างไรก็ตาม หากไม่รวม transformation costs กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง 21.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ 1,634 ล้านบาท
ทั้งนี้ในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2567 บริษัทฯ รายงานผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรสุทธิ จำนวน 3,771 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อนขณะที่ยอดขายและปริมาณขายเพิ่มขึ้น 2.7% และ 3.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ
โดยอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์มาอยู่ที่ระดับ 18.5% ในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2567 ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารปรับตัวสูงขึ้น 10.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นผลจาก transformation costs ของกลุ่มบริษัท
รวมถึงค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่เพิ่มขึ้นตามกลยุทธ์ของบริษัทเพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับบุคลากรที่เพิ่มขึ้น ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมและกิจการร่วมค้าเพิ่มขึ้น 16.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่มาจาก Avanti Group และ Lucky Union Foods ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น 13.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยด้านอัตราแลกเปลี่ยนมีผลกระทบเชิงลบต่อผลประกอบการโดยรวมในไตรมาสนี้เนื่องจากเงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเหรียญสหรัฐ (เฉลี่ยที่ 34.81 บาทต่อเหรียญสหรัฐลดลง 1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน)
อย่างไรก็ดี ปริมาณขายเติบโตเพิ่มขึ้น 10.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการฟื้นตัวของความต้องการซื้อสำหรับธุรกิจอาหารทะเลแปรรูป ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง และธุรกิจผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่า
โดยในไตรมาส 3/67 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1,400 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 4.0% อย่างไรก็ตาม หากไม่รวม transformation costs กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง 21.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ 1,634 ล้านบาท
ทั้งนี้ในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2567 บริษัทฯ รายงานผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรสุทธิ จำนวน 3,771 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อนขณะที่ยอดขายและปริมาณขายเพิ่มขึ้น 2.7% และ 3.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ
โดยอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์มาอยู่ที่ระดับ 18.5% ในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2567 ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารปรับตัวสูงขึ้น 10.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นผลจาก transformation costs ของกลุ่มบริษัท
รวมถึงค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่เพิ่มขึ้นตามกลยุทธ์ของบริษัทเพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับบุคลากรที่เพิ่มขึ้น ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมและกิจการร่วมค้าเพิ่มขึ้น 16.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่มาจาก Avanti Group และ Lucky Union Foods ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น 13.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นทั่วโลก