กระดานข่าว

HENG ประกาศผลงานไตรมาส 3/67 กลับมาทำกำไรสุทธิ 20 ล้านบาท


07 พฤศจิกายน 2567
บมจ. เฮงลิสซิ่ง แอนด์ แคปปิตอล’ หรือ HENG หนึ่งในผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการสินเชื่อรายใหญ่ของประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ ‘เฮงลิสซิ่ง’ ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3/67 มีรายได้รวม 696 ล้านบาทเติบโตลดลง 6% แต่กลับมาทำกำไรสุทธิ 20 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 168% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า จากการเพิ่มรัดกุมการปล่อยสินเชื่อใหม่ ติดตามหนี้สินอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมควบคุมค่าใช้จ่ายในการเนินงานอย่างรัดกุม ประเมินไตรมาส 4/2567 ฟื้นตัวต่อเนื่อง ตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อเพื่อการเกษตรเติบโต 5% ภายในปี 2568

นายวิชัย ศุภสาธิตกุล.jpg
 
นายวิชัย ศุภสาธิตกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฮงลิสซิ่ง แอนด์ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ HENG หนึ่งในผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการสินเชื่อรายใหญ่ของประเทศไทยภายใต้แบรนด์ เฮงลิสซิ่ง เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2567 (กรกฎาคม-กันยายน) บริษัทฯ มีรายได้ 696 ล้านบาท เติบโตลดลง 6% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และกลับมาทำกำไรสุทธิ 20 ล้านบาท เติบโต 168% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยหลักมาจากการดำเนินธุรกิจด้วยกลยุทธ์ที่รัดกุมมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการบริหารความเสี่ยงด้านการปล่อยสินเชื่อใหม่อย่างเข้มงวด การควบคุมคุณภาพสินเชื่อ การติดตามหนี้อย่างมีประสิทธิภาพ และการควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ส่งให้ผลการดำเนินงานในไตรมาสนี้ พลิกกลับมาทำกำไรได้ตามเป้าหมาย สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการบริหารจัดการความเสี่ยง ความสามารถรักษาเสถียรภาพทางการเงิน เพื่อสร้างผลกำไรได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่พอร์ตสินเชื่อในไตรมาสนี้ยังอยู่ในระดับที่ทรงตัว จากการดำเนินนโยบายเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อใหม่ อย่างไรก็ตาม การชะลอตัวของการปล่อยสินเชื่อใหม่ ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถนำกระแสเงินสดไปชำระเงินกู้จากสถาบันการเงินล่วงหน้า ทำให้ต้นทุนทางการเงินลดลง และเพิ่มความสามารถในการทำกำไรได้ดียิ่งขึ้น
 
สำหรับอัตราส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) แม้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 5% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน แต่บริษัทฯ เชื่อมั่นว่ายังอยู่ในระดับที่สามารถบริหารจัดการได้ และเป็นสัญญาณการชะลอตัวของ NPLs โดยบริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญกับการปล่อยสินเชื่อใหม่แก่กลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพ และเพิ่มประสิทธิภาพในการติดตามหนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อควบคุม NPLs ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
 
ทั้งนี้ บริษัทฯ ประเมินแนวโน้มไตรมาส 4/2567 จะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มลูกค้าเกษตรกร ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีประสิทธิภาพ จะเริ่มกลับมาทำการเกษตรภายหลังสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลาย จะช่วยผลักดันการเติบโตของบริษัทฯ รวมทั้งจากการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทยและการทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยของสถาบันการเงิน ส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินลดลง นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนจะร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาว โดยมองหาโอกาสในการขยายธุรกิจ เพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์และบริการ รวมถึงขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาด
 
ล่าสุด บริษัทฯ ยังได้รับผลการประเมินการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียน ประจำปี 2567 (CGR 2024) ให้อยู่ในระดับ “ดีเลิศ (Excellent)” หรือ 5 ดาว เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน จากโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนไทย (CGR) ประจำปี 2567 ที่จัดขึ้นโดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) ภายใต้การสนับสนุนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการดูแลรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
 
“แม้ภาพรวมตลาดสินเชื่อยังคงมีความท้าทาย แต่บริษัทฯ มุ่งเน้นกลยุทธ์การเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยการควบคุมคุณภาพสินเชื่อ เร่งรัดการติดตามหนี้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมเดินหน้าขยายพอร์ตสินเชื่อเพื่อการเกษตร ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพเพิ่มสัดส่วนเป็น 5% ภายในปี 2568 นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนจะร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาว” นายวิชัย กล่าว