ในวันนี้ Wealth Sharing ได้ทำการหยิบยกมุมมองจากนักวิเคราะห์ที่มีต่อหุ้นสหรัฐฯและกลยุทธ์การลงทุนเมื่อโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้ชนะมาฝากให้แก่ผู้อ่านและนักลงทุนสายหุ้นต่างประเทศได้ชมกัน
โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ให้มุมมองถึงกลยุทธ์การลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งมองผลกระทบระยะสั้นมีจํากัดจากสงครามการค้าและสงครามเทคโนโลยี โดยคาดดัชนีและราคาหุ้นส่วนใหญ่จะปรับตัวเพิ่มขึ้น จากนโยบายลดภาษีและลดเงื่อนไขการทําธุรกิจของกลุ่มธนาคาร
อย่างไรก็ดีมองผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังมีจํากัดจากการปรับขึ้นภาษีนําเข้าสินค้าจากจีนและห้ามการส่งออกชิปไปยังจีน
ส่วนในเชิงกลยุทธ์แนะนําลงทุน สําหรับหุ้นกลุ่มธนาคาร เลือก JPM, BAC และกลุ่มบจ. ที่มีอัตราจ่ายภาษีสูง เลือก HD, V, COST, WMT และกลุ่มพลังงาน เลือก XOM, OXY รวมไปถึงเก็งกําไรในหุ้น TSLA ที่อิลอน มักส์ อาจเป็นรัฐมนตรี ขณะที่ระมัดระวังความผันผวนในกลุ่มยาและเทคโนโลยี
ด้านนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด มหาชน ให้มุมมองถึงการปรับกลยุทธ์การลงทุนรับ Trump Era ที่การค้าระหว่างประเทศ อาจมีการตั้งกำแพงภาษีเพิ่มเติมกับสินค้าหลายรายการที่ส่งมายังสหรัฐฯ เนื่องจากทรัมป์มีมุมมองว่าสหรัฐไม่ควรขาดดุลการค้ากับประเทศอื่นมากนัก ซึ่งไทยมีสัดส่วนส่งออกไปยังสหรัฐสูงจึงอาจรับผลกระทบบางส่วน แต่อาจจะได้รับประโยชน์จากการนำเข้าทดแทนสินค้าบางส่วนจากจีน
ต่อมาภูมิรัฐศาสตร์ มองภาพภูมิรัฐศาสตร์มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะสมรภูมิ รัสเซีย-ยูเครน และ ตะวันออกกลางเนื่องจากทรัมป์มีแนวโน้มลดบทบาทในประเด็นดังกล่าวลง นอกจากนี้ประเด็นความขัดแย้งจีน-สหรัฐมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น อาจมีมาตรการกีดกันทางภาษี ความรู้ และบทบาทในเวทีโลกมากขึ้น
และค่าเงินบาทอ่อนค่า โดยทรัมป์มีแนวโน้มผลักดันเศรษฐกิจในเชิงขาดดุล ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตร(Bond Yield) และ ดอลลาร์มีโอกาสแข็งค่าขึ้น
ทั้งนี้ หุ้นสหรัฐฯที่จะได้รับประโยชน์ Caterpillar (CAT) หุ้นขายเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่รองรับงานวิศวกรรม และ ก่อสร้าง รับการเดินหน้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มและการขาดดุลงบประมาณ, National Fuel Gas (NFG) หุ้นพลังงานครบวงจร มีแนวโน้มตอบรับนโยบายใช้เชื้อเพลิงและถ่านหิน เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมดั้งเดิม และTesla (TSLA) ที่ทรัมป์มีแนวโน้มแต่งตั้ง Elon Musk เป็นที่ปรึกษาคนสำคัญ