สรุปงบ! ไตรมาส 3 “การบินไทย” โชว์กำไรสุทธิ 1.24 หมื่นลบ. โต 707% หลังมีกำไรอัตราแลกเปลี่ยน-ปรับโครงสร้างหนี้
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI รายงานผลประกอบการงวดไตรมาส 3/67 บริษัทมีกำไรสุทธิ จำนวน 12,483 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 707% จากปีก่อน หรือเพิ่มขึ้น 10,937 ล้านบาท
โดยบริษัทฯ และบริษัทย่อยรับรู้ต้นทุนทางการเงิน (ซึ่งเป็นการรับรู้ต้นทุนทางการเงินตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 9: TFRS 9) จำนวน 4,829 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่างวดเดียวกันของปีก่อน 1,107 ล้านบาท
และมีรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียวสุทธิเป็นรายได้รวม 10,119 ล้านบาท สาเหตุหลักจากการกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ กำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ ปรับปรุงค่าธรรมเนียมสำหรับบัตรโดยสารที่หมดอายุ และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม
ถึงแม้จะมีเงินชดเชยกรณีเลิกจ้าง โครงการร่วมใจจากองค์กร ผลขาดทุนจากการด้อยค่าซึ่งเป็นไปตามมาตรฐาน TFRS 9 และปรับปรงสินค้าคงเหลือในกลุ่มที่ไม่มีฝูงบิน
โดยมี EBITDA หลังหักเงินสดจ่ายหนี้สินตามเงื่อนไขสัญญาเช่าเครื่องบิน รวมค่าเช่าเครื่องบินที่คำนวณจากการใช้เครื่องบินที่เกิดขึ้นจริง (Power by the Hour) จำนวน 6,655 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าปีก่อน 1,705 ล้านบาท
ทั้งนี้ในไตรมาสที่ 3 ปี 2567 บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ("บริษัทฯ") มีรายได้รวม (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) ทั้งสิ้น 45,756 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 10,921 ล้านบาท หรือ 31.4% สาเหตุสำคัญเนื่องจากรายได้จากกิจการขนส่งเพิ่มขึ้น 9,772 ล้านบาท
ขณะที่รายได้จากการขนส่งผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 8,504 ล้านบาท เป็นผลจากปริมาณการผลิตและการขนส่งที่เพิ่มขึ้น บริษัทฯ กลับมาให้บริการในเส้นทางบินสู่มิลาน สาธารณรัฐอิตาลี และออสโลราชอาณาจักรนอร์เวย์
นอกจากนี้ ได้เพิ่มความถี่ไปยังเมืองปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน รวมทั้งให้บริการในเส้นทางภูมิภาคและเส้นทางภายในประเทศทดแทนสายการบินไทยสมายล์ ส่วนรายได้จากค่าระวางขนส่งและไปรษณียภัณฑ์เพิ่มขึ้น 1,268 ล้านบาท จากปริมาณการขนส่งพัสดุภัณฑ์ (RFTK) ที่เพิ่มขึ้น 31.6%
รวมทั้งมีรายได้พัสดุภัณฑ์เฉลี่ยต่อหน่วยเพิ่มขึ้น 5.6% นอกจากนี้รายได้กิจการอื่นเพิ่มขึ้น 395 ล้านบาท ตามจำนวนเที่ยวบิน และผู้โดยสารของสายการบินลูกค้าที่เพิ่มขึ้น และมีรายได้อื่นๆ เพิ่มขึ้น 754 ล้านบาท
แต่อย่างไรก็ตาม ในงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 มีรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว-สุทธิ เป็นรายได้รวม 5,611 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิ 15,520 ล้านบาท ต่ำกว่าปีก่อน 305 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 7.11 บาท ลดลงจากปีก่อน 0.14 บาทต่อหุ้น