ALT เปิดรายได้ 9 เดือนแรกปี 2567 เติบโต 9.1% รับปัจจัยหลัก”รายได้บริการโครงข่ายปรับเพิ่มขึ้น”
บมจ.เอแอลที เทเลคอม เผยผลประกอบการโดดเด่นในงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 โดยรายได้รวมเติบโตถึง 9.1% จาก 915.64 ล้านบาท เป็น 998.75 ล้านบาท ซึ่งมาจากการเติบโตของบริการติดตั้ง วางระบบ และการให้บริการโครงข่าย
นายสมบุญ เศรษฐ์สันติพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานการเงินและบัญชี บริษัท เอแอลที เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ALT กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของ บริษัท งวด 9 เดือนแรกของปี 2567 มีกำไรขั้นต้นเติบโตขึ้นอย่างชัดเจน โดยเพิ่มขึ้น 28.4% หรือ 45.38 ล้านบาท จาก 159.77 ล้านบาท ในปีที่แล้ว เป็น 205.15 ล้านบาท ในปีนี้ ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 17.4% เป็น 20.5% ปัจจัยหลักมาจากการเติบโตของธุรกิจให้บริการโครงข่ายเป็นสำคัญ
โดยบริการติดตั้งและบำรุงรักษาโครงข่าย แรงหนุนรายได้จากการให้บริการติดตั้งและบำรุงรักษาพุ่งสูงขึ้น 21.7% จาก 270.22 ล้านบาท เป็น 328.97 ล้านบาท ตามอัตราความสำเร็จของงาน บริการโครงข่ายเติบโตต่อเนื่อง รายได้จากการให้บริการโครงข่ายเพิ่มขึ้น 12.6% จาก 478.94 ล้านบาท เป็น 539.29 ล้านบาท ตอกย้ำถึงความต้องการที่แข็งแกร่งในตลาดสื่อสาร โทรคมนาคม และการใช้บริการโครงข่ายการใช้บริการโครงข่ายที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ตามภาวะอุตสาหกรรมและพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันที่มีการใช้บริการด้านข้อมูลเพิ่มขึ้น รวมถึงการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญของธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศไทย
แต่เนื่องจาก บริษัทมีรายได้เป็นสกุลเงินเหรียญสหรัฐในสัดส่วนที่ค่อนข้างสูง โดยในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา เงินเหรียญสหรัฐได้อ่อนค่าลงอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้บริษัทมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 8.88 ล้านบาท อีกทั้งมีต้นทุนการเงินที่เพิ่มขึ้นเป็น 29.80 ล้านบาท อันเป็นส่วนที่เพิ่มขึ้นจากการคำนวณตามมาตรฐานบัญชีในส่วนของหนี้สินสัญญาเช่า ทำให้บริษัทมีผลต่อกำไรสุทธิที่ลดลงเล็กน้อย จาก 15.73 ล้านบาทในปีก่อนหน้าเป็น 13.84 ล้านบาท
นอกจากนี้ ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2567 บริษัทมีงานในมือ (Backlog) มูลค่าประมาณ 3,720 ล้านบาท สะท้อนถึงความมั่นคงและแนวโน้มการเติบโตต่อเนื่องของบริษัทในการตอบสนองความต้องการของตลาดด้านการสื่อสารโทรคมนาคม
นายสมบุญยังได้กล่าวอีกว่า ALT ได้ให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยได้เป็น 1 ใน 20 ของบริษัทจดทะเบียนที่เข้าร่วมโครงการ SET CARBON SANDBOX ของตลาดหลักทรัพย์ บริษัทได้กำหนดเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 20% จากปีปัจจุบัน ให้ได้ภายในปี 2578 และตั้งเป้าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ภายในปี 2583
นอกเหนือเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม บริษัทยังให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลกิจการ บริษัทมีผลการประเมินการกำกับดูแลกิจการที่ดี (CGR) ประจำปี 2567 ในระดับ "ดีเลิศ" 5 ดาว เป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน ในส่วนของการจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี (AGM) บริษัทได้รับคะแนนเต็มเต็ม 100 และ 5 เหรียญ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 อันได้สะท้อนถึงระดับมาตรฐานการกำกับดูแลและการบริหารจัดการที่ดีบริษัท ซึ่งจะเป็นรากฐานของการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว