เมื่อไม่นานมานี้ กลุ่มธุรกิจสื่อหลายบริษัทได้ประกาศปรับโครงสร้างบริษัทด้วยการลดต้นทุนในรูปแบบต่างๆ ซึ่งในวิธีที่บริษัทเลือกใช้ก็คือการลดจำนวนบุคลากรลง อย่างบริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEC ก็ได้ประกาศเลย์ออฟพนักงานเพื่อปรับลดค่าใช้จ่ายลง 30% และเพื่อรับกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน
โดยจากความเคลื่อนไหวล่าสุดของสื่อรายยักษ์ใหญ่ ทางเราจึงได้ทำการสำรวจและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับทิศทางของผลการดำเนินงาน 3 บริษัทจากกลุ่มอุตสาหกรรมสื่อในตลาดหลักทรัพย์ฯ มานำเสอนให้แก่ผู้อ่านและนักลงทุนได้รับชมกันในครั้งนี้
เริ่มกันที่ บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEC นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) คาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/67 อ่อนตัวจากไตรมาสก่อนหน้า ตามฤดูกาลที่เม็ดเงินโฆษณาจะชะลอตัวลง จะเติบโตจากช่วงเดียวกันปีก่อน จากฐานต่ำในปีก่อน
ขณะที่ไตรมาส 4/67 คาดเป็นช่วงที่ดีที่สุดของปี จากเม็ดเงินโฆษณาโตตามฤดูกาลและลุ้นปัจจัยบวกทางอ้อมจากนโยบายดิจิทัลวอลเล็ท) และภาพยนตร์ “ธี่หยด 2” คาดกำไรสุทธิปี 2567 ที่ 291 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 39% ทั้งนี้ แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 5.25 บาท
ต่อมาเป็น บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ WORK นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) คาดผลประกอบการครึ่งปีหลังปี 67 มีความเสี่ยงพลิกขาดทุนจากครึ่งปีแรกที่มีกำไรสุทธิ 59 ล้านบาท จากต้นทุนสูงขึ้นจากการนำละครในสต๊อกมาออกอากาศ และค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นตามฤดูกาล
ทั้งนี้ ยังคงคาดกำไรสุทธิปี 2567 ที่ 27 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า 101% ขณะที่ระยะกลาง-ยาว ผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัวจากแผนการลดต้นทุนด้วยการหยุดออกอากาศละคร รวมไปถึงบริษัทอยู่ระหว่างปรับโครงสร้างธุรกิจเพื่อรับการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมสื่อและพฤติกรรมผู้บริโภค อย่างไรก็ดียังคง แนะนำ “ขาย” ราคาเป้าหมาย 7.90 บาท
สุดท้าย บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ONEE นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 3/67 ที่ 168 ล้านบาท เติบโตจากไตรมาสก่อนหน้า 40% และเติบโตจากช่วงเดียวกัน 11% ตามรายได้รวมที่เติบโตและประสิทธิภาพในการทำกำไรดีขึ้น
ขณะที่ไตรมาส 4/67 ผลประกอบการจะเติบโตทั้งไตรมาสก่อนและช่วงเดียวกัน จากผลบวกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐคาดว่าเม็ดเงินโฆษณาจะดีขึ้น และคอนเทนต์ละครที่บริษัทผลิตเพื่อลงใน แอป OneD และOneD Original เข้าฉายมากขึ้น ภาพรวมปี 2567 คงประมาณการกำไรที่ 491 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 3% ทั้งนี้ แนะนำ “ซื้อ” เนื่องจากผลประกอบการที่ผ่านช่วงต่ำสุดไปแล้ว ให้ราคาเป้าหมายที่ 4.90 บาท