Talk of The Town

TOP ไตรมาส 3 งบดิ่ง รายงานขาดทุน 4.2 พันล้านบาท หลังบันทึกขาดทุนสต๊อกน้ำมัน 5.3 พันลบ.


08 พฤศจิกายน 2567

บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP รายงานไตรมาส 3/2567 มีขาดทุนสุทธิ 4,218 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ  10,827 ล้านบาท โดยมีกําไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มรวมผลกระทบจากสต๊อกน้ำมัน (Accounting GIM) ลดลง 7.0 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลจากไตรมาส 2 ปี 2567

TOP ไตรมาส 3 งบดิ่ง_S2T (เว็บ) copy_0.jpg

ขณะที่ปริมาณวัตถุดิบที่ป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตของกลุ่มอยู่ที่ 313 พันบาร์เรลต่อวัน ทําให้มีรายได้จากการขาย 110,018 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม จากกําไร ขั้นต้นจากการกลั่นและราคานํ้ามันดิบดูไบเฉลี่ยที่ปรับลดลง ส่งผลให้มีผลขาดทุน EBITDA 4,268 ล้านบาท เมื่อรวมกําไรจากการวัดมูลค่ายุติธรรมเครื่องมือทางการเงิน กําไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ ค่าใช้จ่ายดําเนินงาน ต้นทุนทางการเงิน และการกลับรายการค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 

โดย ราคานํ้ามันดิบในไตรมาส 3/67 นํ้ามันดิบดูไบเฉลี่ยปรับลดลงจากราคาเฉลี่ยในไตรมาส 2/67 เนื่องจากตัวเลขการ เติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ของจีนตํ่ากว่าคาดการณ์  รวมทั้งตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรม (PMI) ในสหรัฐฯ และจีนที่ยังคงหดตัว ทําให้อุปสงค์นํ้ามันโลกเติบโตในระดับจํากัด ส่งผลให้ในไตรมาส 3/67 กลุ่มไทยออยล์มีขาดทุนจากสต๊อกนํ้ามัน 5,380 ล้านบาท (ไตรมาส 3/66 มีกําไรจากสต๊อกนํ้ามัน 9,638 ล้านบาท) ส่งผลให้ไตรมาส 3 ปี 2567 มีผลขาดทุนสุทธิระดับดังกล่าว

สําหรับผลการดําเนินงานรอบ 9 เดือนปี 2567 มีกําไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มรวมผลกระทบจากสต๊อกนํ้ามัน (Accounting GIM) อยู่ที่ 5.8 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และมีปริมาณวัตถุดิบที่ป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตของกลุ่มอยู่ที่ 305 พันบาร์เรลต่อวัน ทําให้กลุ่มไทยออยล์มีรายได้จากการขายและ EBITDA จํานวน 343,895 ล้านบาท และ 15,554 ล้านบาท ตามลําดับ

ทั้งนี้เมื่อรวมผลขาดทุนจากเครื่่องมือทางการเงิน กําไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ กําไร พิเศษจากการซื้อคืนหุ้นกู้  ค่าใช้จ่ายดําเนินงาน ต้นทุนทางการเงิน ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้  ส่งผลให้ผลการดําเนินงานประจําปี 2567 รอบ 9 เดือน กลุ่มไทยออยล์มีกําไรสุทธิ 7,192  ล้านบาท หรือคิดเป็นกําไรสุทธิ 3.22 บาทต่อหุ้น

TOP