Mr.Data
ใกล้โค้งสุดท้ายก่อนสิ้นปี 2567 Mr.Data ถือโอกาสเก็บสถิติหุ้นไอพีโอที่เข้าเทรดในปีนี้ ที่ให้ผลตอบแทนเกิน 100% หลังปิดเทรดเทรดในวันแรกมาฝาก
จากข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ฯ พบว่า มีหุ้น 4 บริษัทที่เข้าเทรดวันแรกราคาปิดให้ผลจอบแทนสูงถึง 103.23-201.67% กลายเป็นหุ้น 1-2 เด้ง ภายในวันเดียว
เริ่มจาก บมจ.แบงคอกจีโนมิกส์ อินโนเวั่น (BKGI) เข้าเทรดวันแรกปิดที่ 4.40 บาท จากราคาไอพีโอ 1.36 บาท เพิ่มขึ้น 169.94% บริษัท เอสอีไอ เมดิคัล จำกัด (มหาชน) (SEI) ปิดที่ 6.30 บาท จากราคาไอพีโอ 3.10 บาท เพิ่มขึ้น 103.23%
บริษัท ไลท์อัพ โทเทิล โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) (LTS) ปิดที่ 9.05 บาท จากราคาไอพีโอ 3.00 บาท เพิ่มขึ้น 201.67% และบริษัท เอเชียนน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) (APO) ปิดที่ 2.12 บาท จากราคาไอพีโอ 0.99 บาท เพิ่มขึ้น 114.14%
สำหรับ BKGI ถือเป็นหุ้นไบโอเทครายแรกของไทยที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ธุรกิจอยู่ในเมกะเทรนด์โลก เป็นธุรกิจเทคโนโลยีไบโอเทครายแรกของไทยที่เข้าตลาดหุ้น และการแพทย์จีโนมิกส์ ถือเป็น Sunrise Industry เป็น New S-Curve ของอุตสาหกรรมทางการแพทย์ และเป็นธุรกิจที่มีความสามารถในการทำกำไรสูง
ทั้งนี้ BKGI ดำเนินธุรกิจห้องปฏิบัติการ และให้บริการตรวจวิเคราะห์ทางการแพทย์ เริ่มต้นจากการให้บริการตรวจคัดกรองความผิดปกติของโครโมโซมทารกในครรภ์จากเลือดมารดาด้วยวิธี Non-Invasive Prenatal Testing (NIPT) ภายใต้แบรนด์ NIFTY ของ BGI Genomics Co., Ltd. (BGI Genomics) บริษัทในกลุ่ม BGI และขยายขอบข่ายให้บริการตรวจวิเคราะห์อย่างครบวงจรที่เกี่ยวข้องกับพันธุกรรม ได้แก่ การตรวจวิเคราะห์ความผิดปกติทางพันธุกรรมของตัวอ่อนก่อนการฝังตัว (PGT-A), การตรวจคัดกรองกลุ่มยีนมะเร็งที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม (SENTIS) และการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่และลำไส้ตรง (COLOTECT)
โดย BKGI มีกลุ่ม BGI ผู้นำด้านงานวิจัยและเทคโนโลยีพันธุศาสตร์ระดับโลกเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ที่มีเทคโนโลยี และนวัตกรรมของตัวเอง ซึ่งมีแผนผลักดันให้บริษัทเป็น Flagship รุกตลาดในภูมิภาคอาเซียน รองรับการเติบโตของการแพทย์จีโนมิกส์
ล่าสุด BKGI รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/67 มีกำไรสุทธิ 14.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 105.7% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่รายได้รวม 91.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 68.0% จากยอดขายและบริการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งเป้ารายได้ปี 2567 เพิ่มขึ้น 30% และมีแผนเดินหน้าขยายการให้บริการใหม่ๆ ด้วยการจับมือพันธมิตร รองรับการเติบโตระยะยาว
ขณะที่บริษัท เอสอีไอ เมดิคัล จำกัด (มหาชน) (SEI) บริษัท ไลท์อัพ โทเทิล โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) (LTS) มีนักลงทุน VI ชื่อดัง อย่าง "เซียนฮง" นายสถาพร งามเรืองพงศ์ เป็นตัว "ชูโรง" เรียกความเชื่อมั่นนักลงทุน
โดยนายสถาพร งามเรืองพงศ์ ถือห้น SEI จำนวน 4,268,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 2.51% และถือหุ้น LTS จำนวน 4,000,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 1.94%
SEI ดำเนินธุรกิจโดยเป็นตัวแทนจำหน่ายและให้บริการเครื่องมือทางการแพทย์เป็นหลัก โดยบริษัทจัดหาสินค้าเครื่องมือทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์จากผู้ผลิตชั้นนำจากต่างประเทศ ซึ่งมีอยู่ 18 ราย จาก 11 ประเทศ โดยจำแนกสินค้าเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มสินค้าด้านกล้องส่องตรวจกลุ่มสินค้าสำหรับผู้ป่วยทารกแรกเกิด กลุ่มสินค้าด้านความงาม กลุ่มสินค้าด้านการผ่าตัดและกลุ่มสินค้าอุปกรณ์และเครื่องมือวิทยาศาสตร์
นายกานต์ ปุญญเจริญสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอสอีไอ เมดิคัล หรือ SEI เปิดเผยว่า ตั้งเป้ารายได้ปี 67 ไว้ที่ 400 ล้านบาท แนวโน้มครึ่งปีหลังโตต่อเนื่อง โดยครึ่งปีแรกทำได้แล้ว 201.16 ล้านบาท จากการขายสินค้าอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมถึงได้รับประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่าทำให้สามารถนำเข้าสินค้าได้ในราคาที่ถูกลง
LTS ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่าย ออกแบบและติดตั้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าส่องสว่าง ในรูปแบบ Smart Pole, Smart Home Automation ให้แก่อาคารที่อยู่อาศัยทั้งบริเวณภายในและภายนอกอาคาร เช่น ห้างสรรพสินค้า คอนโดฯ รีสอร์ต และโรงแรม เป็นต้น โดยตั้งเป้าหมายรายได้ในปี 2567 โต 20-30%
และอยู่ระหว่างการปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากครึ่งปีแรกรายได้โตกว่า 78% จากยุทธศาสตร์การสร้าง New S-Curve ของธุรกิจ คือ IT Solutions เพิ่มแหล่งที่มาของรายได้ รวมทั้งต่อยอดผลิตภัณฑ์และบริการให้สอดรับกับ Mega Trend on
ส่วน บริษัท เอเชียนน้ำมันปาล์ม จำกัด(มหาชน) (APO) ผู้เชี่ยวชาญธุรกิจสกัดน้ำมันปาล์มดิบ จำหน่ายผลิตภัณฑ์หลักจากการสกัดน้ำมันปาล์มดิบและผลพลอยได้ ผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพเพื่อจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
ผลการดำเนินงานช่วงครึ่งปีแรก 2567 บริษัทมีรายได้รวม 932.99 ล้านบาท เพิ่มจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 739.22 ล้านบาท จำนวน 193.77 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 26.21% และ มีกำไรสุทธิ 65.79 ล้านบาท เพิ่มจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 5.45 ล้านบาท จำนวน 60.34 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1,106.26%
แม้หุ้นไอพีโอ 2-3 บริษัทในช่วงเดือนพฤศจิกายนของปีนี้จะต่ำจอง แต่ก็มาจากสาเหตุเฉพาะตัว และส่วนหนึ่งจากความผันผวนของตลาดหุ้นโลก ไม่ได้หมายความว่า "หุ้นไอพีโอ" ทุกตัวจะเป็นแย่ไปทั้งหมด สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้นักลงทุนจำเป็นต้องศึกษาข้อมูลในหนังสือชี้ชวนให้ชัดเจน วิเคราะห์ถึงโอกาสและความเสี่ยง ก่อนการตัดสินใจลงทุน....ขอให้ทุกคนโชคดีกับหุ้นไอพีโอ