กระดานข่าว

SMPC โชว์ฟอร์มแกร่ง 9 เดือน กำไรเฉียด 452 ลบ. พุ่งกว่า 68% โกยรายได้ 3,445 ลบ. ส่งซิก Q4 โตต่อเนื่อง หนุนยอดขายทั้งปีเติบโต 20% ตามแผน


08 พฤศจิกายน 2567

SMPC โชว์ฟอร์มแกร่ง งวด 9 เดือนแรกปีนี้ โกยกำไร 451.87 ลบ. โต 68.8% มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 3,445.23 ลบ. เพิ่มขึ้น 24.2% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ส่งซิก Q4 โค้งสุดท้ายของปี โตต่อเนื่อง หนุนยอดขายทั้งปีเติบโต 20% ตามแผน พร้อมเดินหน้ากลยุทธ์เน้นเพิ่มการขายผลิตภัณฑ์ถังทนความดันต่ำประเภทอื่นๆ เพิ่มมาร์จิ้น ลุยขยายตลาดในภูมิภาคที่หลากหลายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

SMPC_คุณสุรศักดิ์ เอิบสิริสุข_3 (1).jpg

นายสุรศักดิ์ เอิบสิริสุข ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท สหมิตรถังแก๊ส จำกัด (มหาชน) หรือ SMPC ประกอบธุรกิจผลิตถังทนความดันแบบต่างๆ โดยผลิตภัณฑ์หลักเป็นถังสำหรับบรรจุแก๊สปิโตรเลียมเหลว (LPG) เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงหุงต้ม และสำหรับใช้เป็นแหล่งพลังงานรถยนต์ โดยจำหน่ายภายในและต่างประเทศ ภายใต้เครื่องหมายการค้า “SMPC” รวมทั้งรับจ้างผลิตภายใต้เครื่องหมายการค้าต่างๆ เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯ ในงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 451.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 184.10 ล้านบาท หรือคิดเป็น 68.8% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 267.77 ล้านบาท เนื่องจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น อัตราการทำกำไรเพิ่มขึ้น และภาษีลดลง

มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 3,445.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 670.23 ล้านบาท หรือคิดเป็น 24.2% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 2,775.00 ล้านบาท เป็นผลจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น 24% จากความต้องการต่อเนื่องเพื่อใช้ถังเป็นบรรจุภัณฑ์ในการขายแก๊สและทดแทนถังเดิมบางส่วน ทางด้านราคาขายราคาวัตถุดิบ (เหล็ก) ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 15% แต่ราคาขายลดลงจากงวดก่อนเล็กน้อย เนื่องจากค่าเงินบาทอ่อนค่าลง 4%

“ผลประกอบการที่ออกมาในงวด 9 เดือนของปี 2567 เป็นที่น่าพอใจทั้งรายได้และกำไร โดยกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 778.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 486.58 ล้านบาท เป็นผลจากงวดเดียวกันของปีก่อนสถานการณ์เศรษฐกิจที่ยังคงถดถอย ส่งผลให้คำสั่งซื้อลดลงและเกิดการแข่งขันด้านราคาอย่างรุนแรงในบางตลาด ในขณะที่งวดนี้สถานการณ์เริ่มดีขึ้น บริษัทได้รับคำสั่งซื้อเป็นจำนวนมาก การแข่งขันด้านราคาจึงลดลง นอกจากนี้ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยที่ลดลงทำให้อัตราการทำกำไรดีขึ้น” นายสุรศักดิ์ กล่าว

ขณะที่ผลประกอบการในไตรมาส 3/2567 บริษัทมีรายได้จากการขาย 1,166.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 335.44 ล้านบาท หรือคิดเป็น 40.4% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 831.14 ล้านบาท เป็นผลจากปริมาณขายเพิ่มขึ้น 46% จากความต้องการต่อเนื่องเพื่อใช้ถังเป็นบรรจุภัณฑ์ในการขายแก๊สและทดแทนถังเดิมบางส่วน โดยราคาขายลดลงจากงวดก่อนเล็กน้อย เนื่องจากงวดนี้สัดส่วนการขายถังสองส่วนซึ่งเป็นถังขนาดเล็กเพิ่มขึ้นจากงวดก่อนที่ส่วนใหญ่เป็นการขายถังสามส่วนซึ่งเป็นถังขนาดใหญ่ ประกอบกับราคาเหล็กลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 12% ส่วนค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 100.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.85 ล้านบาท หรือ 18.8% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 84.37 ล้านบาท เนื่องจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น อัตราการทำกำไรเพิ่มขึ้น และภาษีลดลง

โดยในไตรมาส 3/2567 บริษัทยังได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องจากสถานการณ์ค่าขนส่งทางเรือปรับราคาเพิ่มขึ้นมาก ทำให้ลูกค้าบางส่วนชะลอการสั่งซื้อและชะลอการรับของ และผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2567 และไตรมาส 3/2566 ทำให้ยอดขายลดลง

สำหรับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/2567 ช่วงโค้งสุดท้ายของปี คาดว่ามีการเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 3 ที่ผ่านมา โดยบริษัทยังคงนโยบายและกลยุทธ์ในการขาย เน้นเพิ่มการขายผลิตภัณฑ์ถังทนความดันต่ำประเภทอื่นๆ นอกเหนือจากถังแก๊สสำหรับใช้ตามครัวเรือนที่เป็นผลิตภัณฑ์หลักในปัจจุบัน และเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีผู้ผลิตน้อยรายแต่มีโอกาสเติบโตสูง เพื่อรักษาอัตราการทำกำไรของบริษัทให้อยู่ในระดับที่น่าพอใจ ในขณะเดียวกันยังคงเร่งเข้าไปทำการตลาดในภูมิภาคที่หลากหลายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งขยายตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ถังใหม่ซึ่งพัฒนาสำเร็จ และได้รับการรับรองมาตรฐานตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา เพื่อเพิ่มยอดขายและอัตราการทำกำไร

อย่างไรก็ดี ปี 2567 นี้ บริษัทคาดยอดขายจะเติบโตไม่น้อยกว่า 20% จากปีก่อน โดยการเติบโตจะมาจากสัญญาณความต้องการสินค้าที่เพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา เห็นได้จากคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น รวมไปถึงการเดินหน้าบุกตลาดถังพัฒนาใหม่ ถังขนาดใหญ่และถังประเภทอื่นที่มีอัตราการทำกำไรดี ซึ่งเป็นกลยุทธ์ในการกระจายความเสี่ยง รวมถึงการรักษาระดับมาร์จิ้นของบริษัทให้ดีขึ้นได้