บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SNNP ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยว เช่น เยลลี่พร้อมดื่มและเยลลี่คาราจีแนน ภายใต้ตราสินค้าเจเล่ ปลาหมึกอบ ปลาหมึกเส้น และปลาเส้น ภายใต้ตราสินค้าเบนโตะ และขนมขึ้นรูปและขนมปังแท่งภายใต้ตราสินค้าดอกบัว โลตัส เป็นต้น
ล่าสุดรายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2567 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 163.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวของปีก่อน ส่งผลทำให้งวด 9 เดือนของปี 2567 มีกำไรสุทธิฯ 483 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.6% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
โดยปัจจัยที่สนับสนุนให้กำไรสุทธิของบริษัทยังเติบโต มาจากยอดขายของทุกผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นทั้งตลาดในประเทศและตลาดส่งออก ขณะเดียวกัน บริษัททยอยออกสินค้าใหม่วางจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง และมีการวางกลยุทธ์ทางด้านการตลาด การปรับโฉมสินค้า
รวมถึงการเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ๆ เพื่อสื่อสารทางการตลาดกับกลุ่มผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ การปรับปรุงโครงสร้างภายในของบริษัท และประสิทธิภาพการผลิตสินค้าได้เป็นอย่างดี
นายวิโรจน์ วชิรเดชกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานธุรกิจในประเทศ SNNP กล่าวว่า ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา SNNP ส่งสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสร้างความคึกคักให้ตลาดเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวเป็นอย่างมาก
ได้แก่ Jele Fresshy กลิ่นแตงโม , โลตัสหนังไก่กรอบ 2 รสชาติใหม่ “รสลาบ - รสไก่ทอดสไตล์หาดใหญ่ , เจเล่ฟิตต์ (Jele Fitt) ในรูปแบบเยลลี่รสผลไม้ ,เบนโตะ แมกซ์ มาใน 3 รสชาติอร่อย “ทรงเครื่อง-ปรุงรส-ลาบ” ,เจเล่บิวตี้ 2 รสชาติใหม่ “สูตรไฟเบอร์-รสชาหมักคอมบูฉะ” , เมจิก ฟาร์ม เฟรช 2 รสชาติใหม่ “น้ำมะพร้าว - ชาเขียวกลิ่นน้ำผึ้งมะนาว, “เมจิก ฟาร์ม เฟรช คอมบูฉะ”, เบนโตะหมึกบดรส “ไทยคลาสสิคชิลลี่” และ เจเล่ ดับเบิ้ล เยลลี่ ไอซ์ โฉมใหม่
สำหรับแนวโน้มผลงานช่วงไตรมาส 4/2567 ซึ่งเป็นช่วง High season ตลาดเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวของบริษัท คาดว่าจะเติบโตได้ดีจากการออกสินค้าเรือธงใหม่ๆ อย่าง เบนโตะหมึกบดรส ไทยคลาสสิคชิลลี่ และ เจเล่ ดับเบิ้ล เยลลี่ ไอซ์ โฉมใหม่ ที่ช่วยสร้างความคึกคักในตลาดเป็นอย่างมาก รวมถึงโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐภาค จะเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนภาพรวมผลดำเนินงานของ SNNP เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
ส่วนแผนระยะยาวบริษัทวางกลยุทธ์ขยายตลาดในต่างประเทศ ทั้งรูปแบบการส่งสินค้าไปขาย และการร่วมการทำตลาด รวมถึงการแต่งตั้งตัวแทนจัดจำหน่าย เพื่อสนับสนุนการเติบโตในระยะยาว
ขณะที่ความเห็นนักวิเคราะห์บริษัท หลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มองแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 4/67 เบื้องต้นคาดกำไรปกติจะสามารถกลับมาทำ New High ได้อีกครั้ง หนุนจากยอดขายที่สามารถกลับมาเติบโตได้ทั้งจากไตรมาสก่อน และช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ เนื่องจาก 1.การเข้าสู่ช่วง High season ของธุรกิจที่เป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ รวมถึงการได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐฯ เข้ามาช่วยหนุนกำลังซื้อของผู้บริโภคในช่วงท้ายปี
2. การปรับโครงสร้างการกระจายสินค้าในเวียดนามที่สิ้นสุดลง รวมถึงบริษัทมีแผนจะนำสินค้าเข้าไปในช่องทางต่างๆมากขึ้น และ 3. การเริ่มรับรู้รายได้จากการเพิ่มผู้จัดจำหน่าย (Distributor) รายใหม่ในฟิลิปปินส์ 1 เจ้า
ขณะที่ GPM ในไตรมาส 4/67 คาดจะสูงขึ้นต่อเนื่องทั้งจากไตรมาสก่อน และช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำระดับสูงสุดของปี หนุนจาก U-rate ที่สูงขึ้นจากทั้งโรงงานในไทยและเวียดนาม ตามทิศทางการเติบโตของยอดขาย ส่งผลให้เกิดการประหยัดต่อขนาด (Economy of scales)
ดังนั้นยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2567 ที่ระดับ 667 ล้านบาท เติบโต 4.8% จากปีก่อน และปี 2568 คาดที่ 772 ล้านบาท เติบโต 15.8% จากปีก่อน คงคำแนะนำ “ซื้อ” คงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2568 ที่ 20.80 บาท
ขณะที่ความเห็นนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ระบุว่า คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายใหม่อยู่ที่ 15 บาท จากความเป็นผู้นำตลาดในกลุ่มเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยว
โดยคาดแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/67 จะดีขึ้นจากช่วง high season การส่งออกในกลุ่ม snack และมีอัตรามาร์จิ้นที่มากกว่ากลุ่มเครื่องดื่ม และการส่งออกที่เวียดนามคาดจะดีขึ้นหลังจากการแก้ปัญหาในการกระจายสินค้าของตัวแทนจำหน่ายเรียบร้อยแล้ว รวมถึงฟิลิปปินส์มีตัวแทนจำหน่ายรายใหม่ 2 ราย ที่จะเริ่มส่งสินค้าในไตรมาส 4/67 และยังคงประมาณการปี 2567