กระดานข่าว
CPW รายได้ปี 2565 มาตามนัด โตขึ้น 40% ปีนี้ลุยต่อหลังกำลังซื้อฟื้น สินค้าดิจิทัลไลฟ์สไตล์กลับมาตอบโจทย์ รับรู้ผลกิจการ IBIZ Plus
03 มีนาคม 2566
“คอปเปอร์ ไวร์ด หรือ CPW” หนึ่งในผู้นำตลาดเทคโนโลยี และสินค้าดิจิทัลไลฟ์สไตล์ ลั่นผลงานปี 2565 เยี่ยมยอดทั้งรายได้และกำไรสุทธิ รายได้โตตามเป้า 40% ส่วนกำไรโต 4.79% โกย 7,319.18 ล้านบาท และ 89.78 ล้านบาท ตามลำดับ ย้ำปี 2566 ลุยต่อชัดเจนกับสินค้าดิจิทัลไลฟ์สไตล์เพราะมีอัตรากำไรขั้นต้นดี เมื่อทุกอย่างเริ่มกลับมาเป็นปกติหลังสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ทำกำลังซื้อซึมหลายปี มั่นใจปีนี้พร้อมปังต่อหลังใช้หนี้ระยะยาวและไม่มีค่าใช้จ่ายในการรับโอนกิจการ IBIZ Plus เหมือนปีก่อน ด้านบอร์ดเคาะเตรียมจ่ายปันผล 0.08 บาท/หุ้น ประชุมผู้ถือหุ้น 20 เมษายนนี้
นายปรเมศร์ เหรียญเจริญสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอปเปอร์ ไวร์ด จำกัด (มหาชน) หรือ CPW เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯ ประจำปี 2565 ทั้งรายได้และกำไรเติบโตดี โดยเฉพาะรายได้ที่ทำได้ตามที่ตั้งเป้าหมายว่าจะโต 40% จากปี 2564 อยู่ที่ 7,319.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.50% เทียบกับปีก่อนที่ 5,246.76 ล้านบาท ขณะที่กำไรปี 2565 ทำได้ 89.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.79% จากปีก่อนที่ 85.68 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิต่อหุ้นที่ 0.15 บาท/หุ้น เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อนที่ 0.14 บาท/หุ้น
ทั้งนี้ ในปี 2565 CPW มีการระบุค่าใช้จ่ายจากการซื้อและรับโอนกิจการและทรัพย์สินหลายรายการของ IBIZ Plus มีจำนวนทั้งหมด 24.69 ล้านบาท ดอกเบี้ยเงินกู้ระยะยาว 6.54 ล้านบาท ดอกเบี้ยจากเจ้าหนี้ค่าซื้อธุรกิจ 5.90 ล้านบาท และ ค่าตัดจำหน่ายสินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตน 12.25 ล้านบาท ขณะที่ปี 2564 มีค่าใช้จ่ายดังกล่าวเฉพาะในไตรมาส 4 จำนวน 7.30 ล้านบาท อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายประเภทค่าเช่า การจ้างงานพนักงานร้านค้าปลีกเพิ่มขึ้นจากการรับโอนกิจการของ IBIZ Plus มา
อย่างไรก็ดี สัดส่วนรายได้ของบริษัทฯ ส่วนใหญ่จะเป็นรายได้จากการขายและบริการรวมกัน 98.80% ซึ่งรายได้จากการขายและบริการสุทธิของปี 2565 เพิ่มขึ้นถึง 38.72 % เนื่องจากมีการขายโทรศัพท์มือถือ สินค้าดิจิทัลไลฟ์สไตล์ และการขายผ่านช่องทางการค้าส่งและค้าปลีกที่เพิ่มขึ้นจากการรับโอนกิจการของ บริษัท ไอบิสพลัส เน็ทเวอร์ค จำกัด (IBIZ Plus) ขณะที่รายได้อื่นๆ มีสัดส่วนเพียง 1.20 % มาจากค่าสนับสนุนการเปิดร้านค้าใหม่จาก Apple
ทั้งนี้ สิ้นปี 2565 บริษัทฯ มีร้านค้าปลีกที่มีรายได้บริหารงานทั้งหมด 105 สาขา ลดลงจากปีก่อนที่มี 107 สาขา แบ่งเป็น ร้านดอทไลฟ์ จำนวน 24 แห่ง ร้าน Apple Brand Shop จำนวน 23 แห่ง ศูนย์บริการ iServe จำนวน 3 แห่ง ร้าน AIS จำนวน 27 แห่ง ร้าน Samsung จำนวน 19 แห่ง และ ร้าน Xiaomi จำนวน 9 แห่ง
ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นปี 2565 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเล็กน้อยโดยทำได้ 12.76% เทียบกับปี 2564 12.60% เนื่องจากมีการขายดิจิทัลไลฟ์สไตล์ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นต่อยอดขายสูงกว่าสินค้าอื่น และอัตรากำไรสุทธิปรับลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 1.23% เทียบกับปีก่อนที่ 1.63% และมีหนี้สินที่ลดลง 361.12 ล้านบาท มาอยู่ที่ 1,112.21 ล้านบาท โดยลดลงจากเจ้าหนี้ในค่าซื้อธุรกิจจำนวน 243.68 ล้านบาท จากการเปลี่ยนแปลงประมาณการ และมีการจ่ายเงินกู้ยืมระยะยาวจากสถาบันการเงินไป
ล่าสุด ทางคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติที่ประชุมเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566 ประกาศจ่ายเงินปันผลทั้งหมด 0.08 บาท/หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาท ในวันที่ 10 พฤษภาคม 2566 โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผลวันที่ 10 มีนาคม นี้ และจะมีการประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 20 เมษายน 2566 นี้
นายปรเมศร์ เหรียญเจริญสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอปเปอร์ ไวร์ด จำกัด (มหาชน) หรือ CPW เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯ ประจำปี 2565 ทั้งรายได้และกำไรเติบโตดี โดยเฉพาะรายได้ที่ทำได้ตามที่ตั้งเป้าหมายว่าจะโต 40% จากปี 2564 อยู่ที่ 7,319.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.50% เทียบกับปีก่อนที่ 5,246.76 ล้านบาท ขณะที่กำไรปี 2565 ทำได้ 89.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.79% จากปีก่อนที่ 85.68 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิต่อหุ้นที่ 0.15 บาท/หุ้น เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อนที่ 0.14 บาท/หุ้น
ทั้งนี้ ในปี 2565 CPW มีการระบุค่าใช้จ่ายจากการซื้อและรับโอนกิจการและทรัพย์สินหลายรายการของ IBIZ Plus มีจำนวนทั้งหมด 24.69 ล้านบาท ดอกเบี้ยเงินกู้ระยะยาว 6.54 ล้านบาท ดอกเบี้ยจากเจ้าหนี้ค่าซื้อธุรกิจ 5.90 ล้านบาท และ ค่าตัดจำหน่ายสินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตน 12.25 ล้านบาท ขณะที่ปี 2564 มีค่าใช้จ่ายดังกล่าวเฉพาะในไตรมาส 4 จำนวน 7.30 ล้านบาท อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายประเภทค่าเช่า การจ้างงานพนักงานร้านค้าปลีกเพิ่มขึ้นจากการรับโอนกิจการของ IBIZ Plus มา
อย่างไรก็ดี สัดส่วนรายได้ของบริษัทฯ ส่วนใหญ่จะเป็นรายได้จากการขายและบริการรวมกัน 98.80% ซึ่งรายได้จากการขายและบริการสุทธิของปี 2565 เพิ่มขึ้นถึง 38.72 % เนื่องจากมีการขายโทรศัพท์มือถือ สินค้าดิจิทัลไลฟ์สไตล์ และการขายผ่านช่องทางการค้าส่งและค้าปลีกที่เพิ่มขึ้นจากการรับโอนกิจการของ บริษัท ไอบิสพลัส เน็ทเวอร์ค จำกัด (IBIZ Plus) ขณะที่รายได้อื่นๆ มีสัดส่วนเพียง 1.20 % มาจากค่าสนับสนุนการเปิดร้านค้าใหม่จาก Apple
ทั้งนี้ สิ้นปี 2565 บริษัทฯ มีร้านค้าปลีกที่มีรายได้บริหารงานทั้งหมด 105 สาขา ลดลงจากปีก่อนที่มี 107 สาขา แบ่งเป็น ร้านดอทไลฟ์ จำนวน 24 แห่ง ร้าน Apple Brand Shop จำนวน 23 แห่ง ศูนย์บริการ iServe จำนวน 3 แห่ง ร้าน AIS จำนวน 27 แห่ง ร้าน Samsung จำนวน 19 แห่ง และ ร้าน Xiaomi จำนวน 9 แห่ง
ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นปี 2565 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเล็กน้อยโดยทำได้ 12.76% เทียบกับปี 2564 12.60% เนื่องจากมีการขายดิจิทัลไลฟ์สไตล์ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นต่อยอดขายสูงกว่าสินค้าอื่น และอัตรากำไรสุทธิปรับลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 1.23% เทียบกับปีก่อนที่ 1.63% และมีหนี้สินที่ลดลง 361.12 ล้านบาท มาอยู่ที่ 1,112.21 ล้านบาท โดยลดลงจากเจ้าหนี้ในค่าซื้อธุรกิจจำนวน 243.68 ล้านบาท จากการเปลี่ยนแปลงประมาณการ และมีการจ่ายเงินกู้ยืมระยะยาวจากสถาบันการเงินไป
ล่าสุด ทางคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติที่ประชุมเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566 ประกาศจ่ายเงินปันผลทั้งหมด 0.08 บาท/หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาท ในวันที่ 10 พฤษภาคม 2566 โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผลวันที่ 10 มีนาคม นี้ และจะมีการประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 20 เมษายน 2566 นี้