บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL บริษัทเคมีภัณฑ์ชั้นนำระดับโลกที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ประกาศกลยุทธ์ธุรกิจในงาน Capital Markets Day ประจำปี 2566 รวมถึงการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และการใช้แนวทางที่ยั่งยืนและมีแบบแผนในโอกาสใหม่ๆ ในการดำเนินธุรกิจ ตามอุปสงค์ต่อผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องทั่วโลก
นับตั้งแต่ปี 2562 นับเป็นระยะเวลา 3 ปีที่โลกเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอันเกี่ยวเนื่องกับการแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด รายได้ของอินโดรามา เวนเจอร์ส เติบโตร้อยละ 65 สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์เท่ากับ 18.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2565 ขณะที่ EBITDA เพิ่มขึ้นร้อยละ 160 เท่ากับ 2.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ บริษัทฯ คาดการณ์ว่าความต้องการที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องสำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ที่หลากหลายทั่วโลก ซึ่งมีความยืดหยุ่นในภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยมากกว่าร้อยละ 70 ของผลิตภัณฑ์เหล่านี้นำไปใช้ในการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน อาทิ บรรจุภัณฑ์ เสื้อผ้า ยางรถยนต์ ผ้าอ้อมเด็ก และเคมีภัณฑ์ที่ใช้ในการผลิตแชมพู
นายอาลก โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส กล่าวว่า “บริษัทฯ กำลังพัฒนาและให้อำนาจการบริหารแก่ผู้นำรุ่นต่อไปพร้อมด้วย 'Growth Mindset’ ซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญของโครงการเพื่อส่งเสริมความสามารถในการแข่งขัน และสร้างมูลค่าผ่านการเติบโตอย่างยั่งยืนและมีแบบแผน”
“เราเป็นและจะเป็นบริษัทที่เติบโตอยู่เสมอ และเรากำลังปลูกฝังความคิดแบบผู้ประกอบการเช่นนี้ให้กับผู้นำรุ่นต่อไป ซึ่งสามารถสร้างธุรกิจให้มีความคล่องตัว รวดเร็ว แม่นยำ และมีนวัตกรรม ที่สามารถส่งมอบคุณค่าในโลกที่มีความผันผวนมากขึ้น” นายโลเฮีย กล่าว
ทั้งนี้ เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน บริษัทฯ ได้ทบทวนรูปแบบธุรกิจการดำเนินธุรกิจแบบบูรณาการที่มีความหลากหลายทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง เพื่อใช้เงินลงทุนให้เกิดประโยชน์สูงสุด และยังคงไว้ซึ่งการจัดการต้นทุนตามที่มุ่งเน้นมาตั้งแต่ในอดีต นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังนำเครื่องมือดิจิทัลใหม่มาใช้ อาทิ SAP S/4HANA ที่เริ่มใช้งานทั่วโลก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและช่วยให้สามารถตัดสินใจได้คล่องตัวมากขึ้นในการบรรลุศักยภาพทางธุรกิจอย่างเต็มที่
นายดีลิป กุมาร์ อากาวาล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทฯ กล่าวว่า "อินโดรามา เวนเจอร์ส ครองตำแหน่งผู้นำอย่างไร้ข้อกังขาในหลากหลายตลาดสินค้าของเรา ซึ่งมีขอบเขตกว้างขวางในการขยายกิจการทั้งแบบ organic และ inorganic โดยการริเริ่มเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมให้ผู้บริหารของเราคว้าโอกาสในการสร้างการเติบโตของธุรกิจได้อย่างรวดเร็วภายใต้สภาพแวดล้อมที่ผันผวน”
อินโดรามา เวนเจอร์ส มีกลยุทธ์ที่มีแบบแผนในการใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มระดับโลกของธุรกิจที่มีการเติบโต ทั้งโดยการขยายการผลิตและการเข้าซื้อกิจการใหม่ที่เป็นไปตามข้อพิจารณาผลการดำเนินงานตามเกณฑ์ที่รัดกุม อาทิ core EBITDA margin ที่เพิ่มขึ้น อัตราผลตอบแทนจากเงินทุนร้อยละ 15 สัดส่วนในการสร้างคุณภาพของรายได้ และทำให้บริษัทฯ สามารถรักษาวินัยทางการเงิน โดยตั้งแต่ปี 2563 บริษัทฯ ได้ขยายกิจการในขอบเขตการเติบโตใหม่ๆ ที่สำคัญ ซึ่งรวมถึงการพัฒนากลุ่มธุรกิจล่าสุดอย่าง IOD (Integrated Oxides and Derivatives) ผ่านการเข้าซื้อกิจการต่างๆ อาทิ Oxiteno ในปี 2563 และ Huntsman ในปี 2562
นายอากาวาล กล่าวเพิ่มเติมว่า “ทั้งสามกลุ่มธุรกิจของเรา ได้แก่ Combined PET, Fibers และ IOD มีความเชื่อมโยงกันด้วยโพลีเอสเตอร์ ซึ่งเป็นระบบหมุนเวียนที่สมบูรณ์ การเติบโตของเรามาจากการเลือกสร้างกลุ่มผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมที่หลากหลายตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่าที่เกี่ยวเนื่องกับโพลีเอสเตอร์ตามที่เราคัดสรร ซึ่งหมายถึงศักยภาพด้านความยั่งยืนได้รับการสร้างขึ้นภายในรูปแบบการดำเนินธุรกิจของเรา สำหรับ “วิสัยทัศน์ปี 2563” (Vision 2030) ของเรามีเป้าหมายเพื่อสร้างความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนในอุตสาหกรรม ทั้งผ่านการเพิ่มกำลังการรีไซเคิล การนำวัตถุดิบหมุนเวียนมาใช้ในผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ และการสร้างความยืดหยุ่นทั่วทั้งธุรกิจของเรา”
นับตั้งแต่ปี 2562 นับเป็นระยะเวลา 3 ปีที่โลกเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอันเกี่ยวเนื่องกับการแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด รายได้ของอินโดรามา เวนเจอร์ส เติบโตร้อยละ 65 สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์เท่ากับ 18.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2565 ขณะที่ EBITDA เพิ่มขึ้นร้อยละ 160 เท่ากับ 2.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ บริษัทฯ คาดการณ์ว่าความต้องการที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องสำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ที่หลากหลายทั่วโลก ซึ่งมีความยืดหยุ่นในภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยมากกว่าร้อยละ 70 ของผลิตภัณฑ์เหล่านี้นำไปใช้ในการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน อาทิ บรรจุภัณฑ์ เสื้อผ้า ยางรถยนต์ ผ้าอ้อมเด็ก และเคมีภัณฑ์ที่ใช้ในการผลิตแชมพู
นายอาลก โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส กล่าวว่า “บริษัทฯ กำลังพัฒนาและให้อำนาจการบริหารแก่ผู้นำรุ่นต่อไปพร้อมด้วย 'Growth Mindset’ ซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญของโครงการเพื่อส่งเสริมความสามารถในการแข่งขัน และสร้างมูลค่าผ่านการเติบโตอย่างยั่งยืนและมีแบบแผน”
“เราเป็นและจะเป็นบริษัทที่เติบโตอยู่เสมอ และเรากำลังปลูกฝังความคิดแบบผู้ประกอบการเช่นนี้ให้กับผู้นำรุ่นต่อไป ซึ่งสามารถสร้างธุรกิจให้มีความคล่องตัว รวดเร็ว แม่นยำ และมีนวัตกรรม ที่สามารถส่งมอบคุณค่าในโลกที่มีความผันผวนมากขึ้น” นายโลเฮีย กล่าว
ทั้งนี้ เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน บริษัทฯ ได้ทบทวนรูปแบบธุรกิจการดำเนินธุรกิจแบบบูรณาการที่มีความหลากหลายทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง เพื่อใช้เงินลงทุนให้เกิดประโยชน์สูงสุด และยังคงไว้ซึ่งการจัดการต้นทุนตามที่มุ่งเน้นมาตั้งแต่ในอดีต นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังนำเครื่องมือดิจิทัลใหม่มาใช้ อาทิ SAP S/4HANA ที่เริ่มใช้งานทั่วโลก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและช่วยให้สามารถตัดสินใจได้คล่องตัวมากขึ้นในการบรรลุศักยภาพทางธุรกิจอย่างเต็มที่
นายดีลิป กุมาร์ อากาวาล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทฯ กล่าวว่า "อินโดรามา เวนเจอร์ส ครองตำแหน่งผู้นำอย่างไร้ข้อกังขาในหลากหลายตลาดสินค้าของเรา ซึ่งมีขอบเขตกว้างขวางในการขยายกิจการทั้งแบบ organic และ inorganic โดยการริเริ่มเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมให้ผู้บริหารของเราคว้าโอกาสในการสร้างการเติบโตของธุรกิจได้อย่างรวดเร็วภายใต้สภาพแวดล้อมที่ผันผวน”
อินโดรามา เวนเจอร์ส มีกลยุทธ์ที่มีแบบแผนในการใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มระดับโลกของธุรกิจที่มีการเติบโต ทั้งโดยการขยายการผลิตและการเข้าซื้อกิจการใหม่ที่เป็นไปตามข้อพิจารณาผลการดำเนินงานตามเกณฑ์ที่รัดกุม อาทิ core EBITDA margin ที่เพิ่มขึ้น อัตราผลตอบแทนจากเงินทุนร้อยละ 15 สัดส่วนในการสร้างคุณภาพของรายได้ และทำให้บริษัทฯ สามารถรักษาวินัยทางการเงิน โดยตั้งแต่ปี 2563 บริษัทฯ ได้ขยายกิจการในขอบเขตการเติบโตใหม่ๆ ที่สำคัญ ซึ่งรวมถึงการพัฒนากลุ่มธุรกิจล่าสุดอย่าง IOD (Integrated Oxides and Derivatives) ผ่านการเข้าซื้อกิจการต่างๆ อาทิ Oxiteno ในปี 2563 และ Huntsman ในปี 2562
นายอากาวาล กล่าวเพิ่มเติมว่า “ทั้งสามกลุ่มธุรกิจของเรา ได้แก่ Combined PET, Fibers และ IOD มีความเชื่อมโยงกันด้วยโพลีเอสเตอร์ ซึ่งเป็นระบบหมุนเวียนที่สมบูรณ์ การเติบโตของเรามาจากการเลือกสร้างกลุ่มผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมที่หลากหลายตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่าที่เกี่ยวเนื่องกับโพลีเอสเตอร์ตามที่เราคัดสรร ซึ่งหมายถึงศักยภาพด้านความยั่งยืนได้รับการสร้างขึ้นภายในรูปแบบการดำเนินธุรกิจของเรา สำหรับ “วิสัยทัศน์ปี 2563” (Vision 2030) ของเรามีเป้าหมายเพื่อสร้างความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนในอุตสาหกรรม ทั้งผ่านการเพิ่มกำลังการรีไซเคิล การนำวัตถุดิบหมุนเวียนมาใช้ในผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ และการสร้างความยืดหยุ่นทั่วทั้งธุรกิจของเรา”