กระดานข่าว

TTA รายงาน EBITDA จำนวน 1,030.7 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 3/2567 โดยมีรายได้หลักมาจากกลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือและกลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง


14 พฤศจิกายน 2567

S__4497423.jpg

  • กลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือยังคงทำกำไรอย่างต่อเนื่อง โดยมีผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA จำนวน 306.0ล้านบาท มีอัตราค่าระวางเรือเทียบเท่าเฉลี่ยอยู่ที่ 13,668 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน และมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของเรือ (OPEX) ในระดับต่ำที่ 4,540 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน ในไตรมาสที่ 3/2567
  • กลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่งสามารถทำกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA ได้อย่างต่อเนื่อง ที่ 0ล้านบาท โดยมีมูลค่าสัญญาให้บริการที่รอส่งมอบในระดับที่สูง จำนวน 814.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในไตรมาสที่ 3/2567
  • กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตรยังคงสร้างกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA อย่างต่อเนื่อง ที่ 5 ล้านบาท และมีปริมาณการขายปุ๋ยทั้งหมดอยู่ที่ 43.8พันตัน ในไตรมาสที่ 3/2567
  • ฐานะการเงินของ TTA ยังคงแข็งแกร่ง ด้วยเงินสดภายใต้การบริหาร จำนวน 9.1พันล้านบาท และมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ในระดับต่ำที่ 0.44 เท่า

กรุงเทพฯ ประเทศไทย 13 พฤศจิกายน 2567 – บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA มีรายได้ จำนวน 8,776.3 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 3/2567 โดยปัจจัยหลักมาจากโครงการงานรื้อถอน (Decommissioning) งานขนส่งและติดตั้ง (Transportation & Installation: T&I) ภายใต้กลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือ กลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร กลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม และกลุ่มการลงทุนอื่น มีสัดส่วนรายได้ร้อยละ 19 ร้อยละ 60 ร้อยละ 11 ร้อยละ 7 และร้อยละ 3 ของรายได้รวม ตามลำดับ กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 1,655.1 ล้านบาท และ EBITDA อยู่ที่ 1,030.7 ล้านบาท 

ในไตรมาสที่ 3/2567 มีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดขึ้นจริงและยังไม่เกิดขึ้นจริงส่วนที่เป็นของ TTA จำนวน 1,433.9 ล้านบาท เนื่องด้วยผลขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากการประเมินมูลค่าเงินกู้ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่ให้แก่บริษัทย่อย หลังการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม ผลขาดทุนนี้ ถือเป็นผลขาดทุนที่ไม่ใช่เงินสด เกิดขึ้นจากการรายงานงบการเงินที่ต่างสกุลเงินกัน โดยในการทำธุรกรรมระหว่าง TTA และกิจการที่เกี่ยวข้องดำเนินการในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ

โดยสรุป TTA มีผลกำไรสุทธิที่ไม่รวมผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดขึ้นจริงและยังไม่เกิดขึ้นจริง จำนวน 344.9 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม TTA รายงานผลขาดทุนสุทธิที่ 1,088.9 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากผลกระทบของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในไตรมาสที่ 3/2567

ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 TTA มีสินทรัพย์รวมเท่ากับ 46,082.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 จากสิ้นปี 2566 สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของลูกหนี้การค้า เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด เงินกู้ระยะสั้นแก่กิจการที่เกี่ยวข้อง และสินทรัพย์ทางการเงินไม่หมุนเวียนอื่น ในขณะที่ เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดเพิ่มขึ้นร้อยละ 11 เป็น 7,848.4 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการออกหุ้นกู้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ในส่วนของโครงสร้างเงินทุนยังคงแข็งแกร่ง ซึ่งเห็นได้จากอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ในระดับต่ำ และอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนที่ 0.67 เท่าและ 0.44 เท่า ณ สิ้นไตรมาส ตามลำดับ

นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TTA กล่าวว่า “ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 ดัชนีซุปราแมกซ์ (BSI) มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 1,320 จุด เพิ่มขึ้นจาก 912 จุดเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน อันเนื่องมาจากความต้องการเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกองที่เพิ่มขึ้น และการเปลี่ยนเส้นทางเดินเรือออกจากทะเลแดงและคลองปานามา โดยมีอัตราค่าระวางเรือซุปราแมกซ์ทำสถิติสูงสุดที่ 15,252 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อวัน และมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 14,542 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อวัน เมื่อเข้าสู่ไตรมาสที่ 4 ปี 2567 ภาพรวมตลาดเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกองยังคงมีแนวโน้มเป็นบวก

จากบทวิเคราะห์ของ Clarksons คาดการณ์การเติบโตของการค้าสินค้าแห้งเทกองที่ร้อยละ 2.7 ในหน่วยตัน หรือร้อยละ 5.2 ในหน่วยตัน-ไมล์ ในปี 2567 โดยการค้าเมล็ดธัญพืชคาดว่าจะโตขึ้นอย่างมาก (ร้อยละ +4.0) เนื่องจากการส่งออกของยูเครนและสหรัฐอเมริกาที่ดีขึ้น การค้าแร่เหล็กมีแนวโน้มฟื้นตัว (ร้อยละ +3.2) โดยได้รับแรงหนุนจากปริมาณการนำเข้าสินแร่เหล็กที่เพิ่มขึ้นในจีน เนื่องจากความต้องการเหล็กที่คงที่ อุปทานที่เพียงพอ และราคาที่เอื้อต่อการนำเข้าการค้าสินค้าเทกองย่อย ซึ่งเป็นสินค้าหลักในการขนส่งของเรือซุปราแมกซ์คาดว่าจะเติบโต (ร้อยละ +2.8) จากสินค้าจากการค้าผลิตภัณฑ์เหล็กและบอกไซต์ที่แข็งแกร่ง รวมถึงการผ่อนคลายลงของความท้าทายทางเศรษฐกิจมหภาคในภูมิภาคสำคัญ”

ผลการดำเนินงานของรายกลุ่มธุรกิจ

กลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือ :

รายได้ค่าระวางของกลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือ อยู่ที่ 1,689.6 ล้านบาท โดยอัตราค่าระวางเรือเทียบเท่า (TCE) ของกลุ่มธุรกิจฯ เฉลี่ยที่ 13,668 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน ในทางกลับกัน มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของเรือ (OPEX) จำนวน 4,540 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน และยังคงรักษาระดับให้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 5,217 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน คิดเป็นร้อยละ 13 ส่งผลให้กำไรขั้นต้นเป็น 569.3 ล้านบาท และมี EBITDA จำนวน 509.6 ล้านบาท

โดยสรุป โทรีเซน ชิปปิ้ง รายงานผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA จำนวน 306.0 ล้านบาท ณ สิ้นไตรมาส โดยเป็นเจ้าของเรือ จำนวน 24 ลำ (เรือซุปราแมกซ์ จำนวน 22 ลำ และเรืออัลตราแมกซ์ จำนวน 2 ลำ) มีระวางบรรทุกเฉลี่ยเท่ากับ 55,913 เดทเวทตัน (DWT) และมีอายุเฉลี่ย 16.5 ปี

กลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง :

บริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน) หรือเมอร์เมด รายงานรายได้ 5,227.7 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 3/2567 โดยรายได้จากงานรื้อถอน งานขนส่งและติดตั้งงานวิศวกรรมใต้ทะเล (subsea-IRM) และงานวางสายเคเบิลใต้ทะเล มีสัดส่วนร้อยละ 56 ร้อยละ 33 และร้อยละ 11 ของรายได้รวมของกลุ่มธุรกิจฯ ตามลำดับ

ในส่วนของรายได้งานรื้อถอน งานขนส่งและติดตั้งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญร้อยละ 218 เทียบจากช่วงเดียวกันกับปีก่อน ส่วนใหญ่มาจากงานนอกชายฝั่งของงานรื้อถอน งานขนส่งและติดตั้งบริเวณอ่าวไทย ในส่วนของรายได้จากงานวางสายเคเบิลใต้ทะเลเพิ่มขึ้นร้อยละ 75  จากช่วงเดียวกันกับปีก่อน ตามงานที่เพิ่มขี้น รวมถึงไม่มีการนำเรือเข้าอู่แห้งในไตรมาสนี้ เมอร์เมด รายงานกำไรขั้นต้นจำนวน 576.4 ล้านบาท ตามอัตรากำไรขั้นต้นที่ร้อยละ 11 และมี EBITDA อยู่ที่ 403.6 ล้านบาท

โดยสรุป เมอร์เมด รายงานผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA จำนวน 22.0 ล้านบาท และยังคงมีมูลค่าสัญญาให้บริการที่รอส่งมอบที่แข็งแกร่งทั้งหมด 814.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นสุดไตรมาสที่ 3/2567

กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร :

ในไตรมาสที่ 3/2567 บริษัท พีเอ็ม โทรีเซน เอเชีย โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PMTA รายงานรายได้ 959.1 ล้านบาท ณ ไตรมาสที่ 3/2567 จากปริมาณการขายปุ๋ยทั้งหมดที่ 43.8 พันตัน โดยมีปริมาณการขายปุ๋ยในประเทศเวียดนามคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 88 ของปริมาณการขายปุ๋ยทั้งหมด หรือเท่ากับ 38.6 พันตัน ในขณะที่ปริมาณส่งออกปุ๋ยอยู่ที่ 5.2 พันตัน

ทั้งนี้ หากพิจารณาตามประเภทของปุ๋ย ปริมาณขายปุ๋ยเชิงเดี่ยว (single fertilizer) อยู่ที่ 6.3 พันตัน ปริมาณขายปุ๋ยเชิงผสม (NPK fertilizer) อยู่ที่ 37.4 พันตัน อย่างไรก็ตาม สำหรับรายได้จากผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อการเกษตรอื่น เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 เทียบจากช่วงเดียวกันกับไตรมาสก่อน เป็น 62.3 ล้านบาท ในส่วนของรายได้จากการให้บริการจัดการพื้นที่โรงงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 11 เทียบกับช่วงเดียวกันกับไตรมาสก่อน เป็น 35.8 ล้านบาท จากอัตราการใช้ประโยชน์เต็มพื้นที่และกิจกรรมของคลังสินค้าที่เพิ่มขึ้น

ในส่วนของกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 164.6 ล้านบาท พร้อมทั้งอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ร้อยละ 17 ในไตรมาสที่ 3/2567 และ EBITDA อยู่ที่ 86.5 ล้านบาท

โดยสรุป PMTA รายงานผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA ในไตรมาสที่ 3/2567 จำนวน 30.5 ล้านบาท

กลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (Food & Beverage) 

พิซซ่า ฮัท ดำเนินงานภายใต้บริษัทย่อยที่ TTA ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 70 ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 พิซซ่า ฮัท มีสาขาจำนวน 189 สาขาทั่วประเทศ ซึ่งสาขาทั้งหมดเป็นสาขาที่เปิดตามหัวเมืองใหญ่

ทาโก้ เบลล์ เป็นแฟรนไชส์อาหารสไตล์เม็กซิกันที่มีชื่อเสียงชั้นนำระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา ดำเนินงานภายใต้บริษัทย่อยที่ TTA ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 70 ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 ทาโก้ เบลล์ มี 30 สาขาทั่วประเทศ

กลุ่มการลงทุนอื่น (Investment) มุ่งเน้นธุรกิจการบริหารทรัพยากรน้ำและโลจิสติกส์

บริษัท เอเชีย อินฟราสตรักเชอร์ แมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ AIM ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ TTA ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 92.50 เป็นผู้ออกแบบ ก่อสร้าง และให้บริการครบวงจรทางด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ AIM ยังได้รับสัมปทานในการจำหน่ายน้ำประปาในหลวงพระบาง ประเทศลาว ผ่านบริษัทย่อยที่ AIM ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 100