Wealth Sharing

สรุปดีล! JAS เจ้าของลิขสิทธิ์เพียงผู้เดียว ถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีก-เอฟเอคัพในไทย


14 พฤศจิกายน 2567

สำหรับแฟนบอลลูกหนังที่ได้ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับลีกอังกฤษหรือฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ก็อาจจะทราบข่าวสารการถ่ายทอดสดในฤดูหน้า ที่ผู้คว้าสิทธิในการถ่ายทอดสดรายการฟุตบอลดังกล่าวได้มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมที่ขาประจำก็คือ บริษัท ทรู วิชั่นส์ จำกัด ที่เป็นบริษัทในเครือบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE

สรุปดีล! JAS_WS (เว็บ) copy.jpg

สำหรับผู้ที่ได้สิทธิ์ในการถ่ายทอดสดภาพและเสียงรายการฟุตบอลพรีเมียร์ลีกในรอบนี้ ซึ่งจะครอบคลุมระยะเวลา 6 ปี หรือเริ่มตั้งแต่ต้นฤดูกาลฟุตบอลพรีเมียร์ลีกที่ 2025/26 หรือ 6 ฤดูกาล ก็คือ บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS 

ดังนั้น ในวันนี้ทางเราจึงอยากจากจะพานักลงทุนและผู้อ่านไปรู้จักเกี่ยวกับรายละเอียดดังกล่าวกัน พร้อมกับทำความเข้าใจเกี่ยวกับลิขสิทธิ์การถ่ายทอดนับตั้งแต่ผู้ให้สิทธิการถ่ายทอดสดไปจนรายละเอียดต่างๆเพิ่มเติม ไปจนถึงการวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญถึงประเด็นข่าวข้างต้น

โดยการจะได้ลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดดังกล่าว จะต้องประมูลกับบริษัทเอกชน The Football Association Premier League Limited ซึ่งมีผู้ถือหุ้นเป็นสโมสรฟุตบอลสมาชิก 20 แห่ง ที่เข้าร่วมในพรีเมียร์ลีก ณ เวลานั้นและสมาคมฟุตบอลของประเทศอังกฤษ (The FA)

ในวันที่ 11 พ.ย. 67 JAS ได้รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ฯถึงการเข้าทำธุรกรรมเพื่อให้บริษัทได้รับสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว (Exclusivity right) ในการถ่ายทอดสดภาพและเสียงรายการฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพ บนอินเทอร์เน็ตทีวี (Internet TV) และ ดิจิทัลทีวี (Digital TV) รวมถึงชุดวิดีโอสั้น (Clips package) 

ตลอดระยะเวลารายการฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพ 3 ฤดูกาล โดยเริ่มตั้งแต่ต้นฤดูกาลฟุตบอลพรีเมียร์ลีกที่ 2025/26 หรือ 6 ฤดูกาลในกรณีที่บริษัทฯ ได้รับแจ้งจาก FAPL เป็นลายลักษณ์อักษรภายในวันที่ 1 ธันวาคม 2567ในประเทศไทย ประเทศลาว และประเทศกัมพูชา โดยมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 559,980,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็น 19,167,723,414 บาท  

ส่วนช่องทางการในการรับชม สามารถรับชมได้ผ่านช่องทางหลัก คือ MONOMAX ซึ่งเป็น Streaming platform และ MONO29 ซึ่งเป็น Free-to-air platform ของ MONO NEXT PCL. (MONO) โดยมีแนวทางในการจัดจำหน่ายผ่านทุก Network และ Mobile operators ด้วย ไม่ว่าจะเป็น App Store (iOS) และ Google Store, AIS หรือ TRUE

สำหรับแหล่งเงินทุน บริษัทจะใช้แหล่งเงินทุนจากกระแสเงินสด ซึ่ง ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดเท่ากับจำนวน 4,678 ล้านบาท และการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน ซึ่งการเข้าทำธุรกรรมถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1/68 

ทั้งนี้ การได้ลิขสิทธิ์ดังกล่าวจะช่วยให้บริษัทเพิ่มโอกาสและขยายส่วนแบ่งตลาดของธุรกิจบริการอินเทอร์เน็ตทีวีและธุรกิจการจัดหาคอนเทนต์ รวมไปถึงสามารถเพิ่มฐานลูกค้า คู่ค้าและเครือข่าย ผู้ติดตามของกลุ่มบริษัท นอกจากนี้จะช่วยขยายธุรกิจร่วมกับพันธมิตรที่มีศักยภาพในตลาด 

สำหรับนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองว่า JAS ประกาศคว้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพสำหรับประเทศไทยลาวและกัมพูชาในทุกช่องทางถ่ายทอดสด จำนวน 3 – 6 ฤดูกาล ซึ่งมีผลตั้งแต่ฤดูกาล 2025/26 

โดยกรณี3 ฤดูกาลมูลค่าลิขสิทธิ์จะอยู่ราว 197.7 ล้านเหรียญฯ ถือว่าไม่แพงหากเทียบราคาประมูลรายการดังกล่าวของไทยที่มีการเปิดเผยล่าสุดที่300ล้านเหรียญ (ฤดูกาล 2016/17 -2018/19)  ส่วน 6 ฤดูกาลจะอยู่ราว 560 ล้านเหรียญฯโดยการจ่ายค่าลิขสิทธ์จะอยู่ในลักษณะการทยอยจ่าย

ในเชิงกลยุทธ์ JAS ปัจจุบันหลังขายธุรกิจอินเตอร์เนตเหลือรายได้ปีละ 4 พันล้านบาท จะเป็นการหนุนธุรกิจอินเตอร์เนตทีวีของ JAS ซึ่งเป็น 1ใน 3 ธุรกิจหลักที่มีอยู่ในปัจจุบันมีลูกค้าราว 7 แสนราย ส่วนรายได้หลักปัจจุบัน 64% ของรายได้มาจากธุรกิจให้เช่าโครงข่ายในและนอกประเทศและการขุด Bitcoin แนะนำเก็งกำไร 

ขณะที่ MONO มีฐานรายได้ปัจจุบันราวปีละ 2 พันล้านบาท ในฐานะเจ้าของช่องดิจิทัลทีวี Mono 29 ที่น่าจะมีรายได้โฆษณาเพิ่มขึ้นและการขายแพ็คเกจผ่าน OTT Platform Monomax ซึ่งมีสมาชิกราว 8.6 แสนราย แนะนำ เก็งกำไร

ADVANC คาดว่าจะได้ประโยชน์ในฐานะที่ยังเป็นพันธมิตรกับ JAS ที่น่าจะมีโอกาสนำคอนเท้นท์ ยอดนิยมไปให้บริการลูกค้า นอกจากนี้ถือว่าลดความเสี่ยงคู่แข่งขันที่จะเข้ามาร่วมประมูลคลื่นในอนาคตด้วย แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย305 บาท

TRUE มองผลกระทบจำกัดรายได้ธุรกิจ Pay TV ปัจจุบันต่ำราว 4-5 % ของรายได้รวม (ลูกค้า EPL คาดต่ำกว่านั้น) ขณะที่มีภาพบวกคู่แข่งประมูลคลื่นลดลงช่วยชดเชย แนะนำ รอหุ้นซึมซับจิตวิทยาลบก่อนสะสมใหม่

ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด ระบุว่า จากประเด็น JAS ทุ่มซื้อลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก-เอฟเอคัพ ดังกล่าว โครงสร้างดีล 6 ปี 19,000 ล้านบาท ถ้า 3 ปี 8,000 ล้านบาท (ยังไม่รวมภาษี ณ ที่จ่าย 15%) รอทางพรีเมียร์ลีกยืนยันอีกที

ทั้งนี้เมื่อคิดค่าใช้จ่ายต่อปีสำหรับลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก 2,700 ล้านบาท ถ้าคิดว่าสมาชิกของ True vision 1.2 ล้านรายจะย้ายมา GIGA TV จะทำให้ JAS มีต้นทุน 2,200 บาทต่อฤดูกาล ถ้าคิด 6 ปี ต้นทุน 2,700 บาทต่อฤดูกาล 

ถือว่าพอได้ เพราะปัจจุบันค่าสมาชิกราว 5,400 บาทต่อปี ส่วนฐานะทางการเงิน ปัจจุบัน JAS มีเงินสดในมือ 4,600 ล้านบาท ต้องพึ่งสถาบันการเงินเข้ามาช่วยในดีลครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม จากสถิติที่ผ่านมาผู้ให้บริการเจ๊งทุกราย ไม่ว่าจะเป็น CTH, True vision ซึ่ง JAS ก็ยังคงมีความเสี่ยงตรงนี้

สรุปดีล! JAS_WS (เพจ) copy.jpg

JAS