จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : UNEP กระตุ้นใช้พลังงานแสงอาทิตย์-ลม ลดโลกร้อน หนุนธุรกิจ SUPER แข็งแกร่ง


14 พฤศจิกายน 2567

โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ หรือ UNEP ระบุ การใช้พลังงงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก  สนับสนุนธุรกิจ บมจ.ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น  (SUPER) ฐานะผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน

รายงานพิเศษ UNEP กระตุ้นใช้พลังงานแสงอาทิตย.jpg

“ยูเอ็น” หรือองค์กรสหประชาชาติ ได้ออกมาเตือนว่า ภายในปี 2100 โลกจะร้อนขึ้น 3.1 องศาเซลเซียส หากรัฐบาลทั่วโลกยังคงทำตามนโยบายในปัจจุบัน และไม่คิดที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงอย่างจริงจัง  ซึ่งหากอุณหภูมิเพิ่มถึง 3.1 องศาเซลเซียส จะทำให้โลกอยู่ในหายนะรุนแรง เนื่องจากจะส่งผลให้เกิดเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้ว เช่น คลื่นความร้อน และน้ำท่วม เพิ่มขึ้นอย่างมาก

โดยรายงาน Emissions Gap ฉบับล่าสุดของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ หรือ UNEP พบว่า ประเทศต่างๆ ไม่สามารถบรรลุคำมั่นสัญญาที่จะลดควบคุมอุณหภูมิโลกไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส ภายในปี 2030 ได้

ซึ่ง UNEP คำนวณว่า ประเทศต่างๆ จะต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกประจำปีลง 42% ภายในปี 2030 และขยับเป็น 57% ภายในปี 2035  ไม่เช่นนั้นโอกาสในการบรรลุเป้าหมาย 1.5 องศาเซลเซียสก็จะเป็นไปไม่ได้

ทั้งนี้ “พลังงานหมุนเวียน” จะมีบทบาทสำคัญในการบรรลุเป้าหมายดังกล่าว โดยในรายงานของ UNEP พบว่าการนำเทคโนโลยี “พลังงานแสงอาทิตย์” และ “พลังงานลม” มาใช้เพิ่มขึ้น อาจช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 27% ของศักยภาพในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดในปี 2030 และ 38% ในปี 2035

ในขณะเดียวกัน การปกป้องรักษาป่าไม้จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 20% ของศักยภาพทั้งหมด นอกจากนี้ UNEP ยังเน้นย้ำถึงโอกาสสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานหมุนเวียน และเปลี่ยนมาใช้เชื้อเพลิงที่สะอาดกว่าภายในอาคาร การขนส่ง และอุตสาหกรรม

แต่การบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเหล่านี้ จำเป็นต้องอาศัยการระดมกำลังระดับนานาชาติที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งประเทศต่างๆ ต้องมุ่งให้แต่ละหน่วยงานตระหนักถึงบทบาทหน้าที่ของตน และของหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง หรือที่เรียกว่า Whole-of-the Government Approach ในการบรรลุเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศของตน โดยเฉพาะประเทศสมาชิก G20 ที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกประมาณ 80% ของทั้งหมด จะต้องมีส่วนรับผิดชอบหน้าที่นี้เป็นสำคัญ

ซึ่งแนวทางการลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก สอดคล้องกับนโยบายและวิสัยทัศน์การทำธุรกิจของ บมจ.ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น  (SUPER) ในฐานะที่บริษัทมีความชำนาญในการประกอบธุรกิจด้านการปฏิบัติการดูแลบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน และการถือหุ้นในบริษัทย่อย และ/หรือบริษัทร่วม (Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน  

โดยทิศทางธุรกิจ ปี 2567 นี้ “จอมทรัพย์  โลจายะ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SUPER ระบุว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายการเติบโตรายได้ต่อเนื่อง และมีกำลังการผลิตไฟฟ้าในปีนี้รวม 1,656.11 เมกะวัตต์

ขณะเดียวกัน เตรียมความพร้อมขยายโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในประเทศไทย เพิ่มอีก300 - 500เมกะวัตต์ ตามแผนการรับซื้อไฟของ กกพ. ที่คาดว่าจะเปิดรับซื้อไฟภายในปี2567 และโครงการการขยายงานสัญญาซื้อขายไฟฟ้าภาคเอกชน (Private PPA) โครงการSPP HYBRID    ซึ่งจะสนับสนุนการเติบโตในอนาคตอย่างแข็งแกร่ง และสร้างผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA)ในมือรวม 2,353.79 เมกะวัตต์ COD แล้ว 1,626.11 เมกะวัตต์ และจะเพิ่มกำลังการผลิตเชิงพาณิชย์เป็น 2,200 เมกะวัตต์ ภายในปี 2570