กระดานข่าว
SCBตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อเพื่อความยั่งยืนปีละ 2 พันลบ. และหนุน SME ยกระดับ ESG
15 พฤศจิกายน 2567
SCB สนับสนุนลูกค้า SMEs เปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน ประกาศแนวทาง "เริ่ม เพื่อ รอด" ให้แก่ลูกค้า ตั้งเป้ามีลูกค้าเอสเอ็มอีเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนไม่น้อยกว่า 1,000 กิจการ พร้อมปล่อยสินเชื่อรองรับปีละ 2,000 ล้านบาท
นางพิกุล ศรีมหันต์ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี ธนาคารไทยพาณิชย์หรือ SCB กล่าวว่า ปัจจุบันธุรกิจเอสเอ็มอีต้องเผชิญกับความท้าทายทั้งด้าน ราคาพลังงาน ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ผันผวน ต้นทุนค่าแรงที่ปรับเพิ่มขึ้น และการเข้มงวดของสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อ รวมถึงการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจากคู่แข่งใหม่ๆ
ซึ่งที่ผ่านมาธนาคารไทยพาณิชย์ ได้ให้ความช่วยเหลือลูกค้า เพื่อปรับตัวรับกับความท้าทายทั้งในรูปแบบสินเชื่อ การจัดกิจกรรมสัมมนาและหลักสูตรการให้ความรู้ต่างๆ ส่งผลให้การบริหารจัดการคุณภาพพอร์ตสินเชื่อลูกค้าเอสเอ็มอีมีประสิทธิภาพ โดย ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2567 พอร์ตสินเชื่อลูกค้าเอสเอ็มอีมีจำนวน 250,893 ล้านบาท โดยเป็นสินเชื่อเอสเอ็มอีปล่อยใหม่ประมาณ 40,000 ล้านบาท และมีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพปรับตัวดีขึ้นอยู่ที่ 2.9% เมื่อเทียบจากสิ้นปี 2566 อยู่ที่ระดับ 3.2%
ธนาคารยังคงเป้าหมายช่วยเหลือลูกค้าอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งสนับสนุนให้ลูกค้าปรับตัวอย่างต่อเนื่องด้วยกิจกรรมสร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจด้านความยั่งยืน เช่น โครงการ Bootcamp โครงการ IEP โครงการ DSM โครงการ IBE โครงการ The Dots โครงการ ITP
ล่าสุด โครงการ Phuket ESG Start Now มีผู้ประกอบการมากกว่า 1,000 ราย จากหลากหลายอุตสาหกรรมผ่านการอบรมการปรับตัวสู่ความยั่งยืน นอกจากนี้ ธนาคารได้นำเสนอสินเชื่อเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Financing) ดอกเบี้ยต่ำกว่าสินเชื่อทั่วไป เพื่อให้ผู้ประกอบการนำไปยกระดับการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การติดตั้งโซลาร์เซลล์ในกิจการ การจัดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า การติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน การเปลี่ยนขยะให้เป็นพลังงาน การติดตั้งระบบบำบัดน้ำเสียและบำบัดมลพิษ โดยนับตั้งแต่ปี 66 จนถึงปัจจุบัน ธนาคารอนุมัติวงเงินสินเชื่อไปจำนวนมากกว่า 3 พันล้านบาท
และธนาคารยังมีแนวคิด "อยู่ อย่าง ยั่งยืน" ซึ่งเป็นหลักปฏิบัติที่จะนำการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนให้เกิดขึ้นแก่ทุกภาคส่วน พร้อมสานต่อแนวคิดดังกล่าว โดยประกาศแนวทาง "เริ่ม เพื่อ รอด" ให้แก่ลูกค้าเอสเอ็มอีสู่การเป็นธุรกิจสีเขียวอย่างยั่งยืน โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1. โครงการสินเชื่อเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Financing) ดอกเบี้ยพิเศษ 3.99% ต่อปี
2. โครงการที่ปรึกษาทางธุรกิจ SCB SME Mentor รุ่นที่ 4 Sustainability เป็นที่ปรึกษาให้ธุรกิจเอสเอ็มอีก้าวข้ามผ่านสู่ความยั่งยืน ผนึกกำลัง 3 หน่วยงาน สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.), สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (หรือ NIA), และ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) และยังมีอีก 1 บริษัทเอกชน บริษัท แพค คอร์ปอเรชั่น จำกัด ร่วมมือกันนำความรู้ ประสบการณ์ และ เชี่ยวชาญการสร้างความยั่งยืนในธุรกิจ และ ใส่ใจดูแลสิ่งแวดล้อมให้แก่นักธุรกิจ SMEs รายอื่นๆ เพื่อร่วมวางยุทธศาสตร์การสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจ SMEs ในระยะยาว
"การปรับตัวเพื่อรับกับกระแส ESG ต้องดำเนินการควบคู่ทั้งการอบรมให้ความรู้ การให้คำปรึกษาและการช่วยเหลือทางการเงินเพื่อเสริมสภาพคล่อง ด้วยแนวทาง "เริ่ม เพื่อ รอด" จะมีส่วนสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยเพิ่มความตระหนักรู้และเข้าใจถึงแนวทางการดำเนินธุรกิจยุคใหม่ที่ต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล เอสเอ็มอีที่เริ่มก่อน มีโอกาสรอดก่อน และนำมาซึ่งโอกาสทางธุรกิจมากมาย อาทิ การเข้าถึงสินเชื่อที่มีต้นทุนทางการเงินต่ำ การส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดี การดึงดูดนักลงทุนและลูกค้ายุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับธุรกิจสีเขียว ตั้งเป้าจำนวนลูกค้าเอสเอ็มอีเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนไม่น้อยกว่า 1,000 กิจการ และสินเชื่อเพื่อความยั่งยืน ประมาณปีละ 2,000 ล้านบาท" นางพิกุล กล่าว
นอกจากนี้ยังมีการให้ทุนสนับสนุน เอสเอ็มอีเปลี่ยนสู่ความยั่งยืน เช่น การร่วมมือกับภาครัฐ ได้แก่ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) จัดแคมเปญเพื่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยสนับสนุนค่าบริการสนับสนุนด้านการ พัฒนาธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการยกระดับผู้ประกอบการอย่างยั่งยืน หรือ ESG วงเงินช่วยเหลือ อุดหนุนแบบไม่มีเงื่อนไขการชำระคืนสูงสุดรายละไม่เกิน 200,00 บาท/ปี รวมทั้งหมดไม่เกิน 500,000 บาท/นิติบุคคล
นางพิกุล ศรีมหันต์ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี ธนาคารไทยพาณิชย์หรือ SCB กล่าวว่า ปัจจุบันธุรกิจเอสเอ็มอีต้องเผชิญกับความท้าทายทั้งด้าน ราคาพลังงาน ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ผันผวน ต้นทุนค่าแรงที่ปรับเพิ่มขึ้น และการเข้มงวดของสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อ รวมถึงการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจากคู่แข่งใหม่ๆ
ซึ่งที่ผ่านมาธนาคารไทยพาณิชย์ ได้ให้ความช่วยเหลือลูกค้า เพื่อปรับตัวรับกับความท้าทายทั้งในรูปแบบสินเชื่อ การจัดกิจกรรมสัมมนาและหลักสูตรการให้ความรู้ต่างๆ ส่งผลให้การบริหารจัดการคุณภาพพอร์ตสินเชื่อลูกค้าเอสเอ็มอีมีประสิทธิภาพ โดย ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2567 พอร์ตสินเชื่อลูกค้าเอสเอ็มอีมีจำนวน 250,893 ล้านบาท โดยเป็นสินเชื่อเอสเอ็มอีปล่อยใหม่ประมาณ 40,000 ล้านบาท และมีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพปรับตัวดีขึ้นอยู่ที่ 2.9% เมื่อเทียบจากสิ้นปี 2566 อยู่ที่ระดับ 3.2%
ธนาคารยังคงเป้าหมายช่วยเหลือลูกค้าอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งสนับสนุนให้ลูกค้าปรับตัวอย่างต่อเนื่องด้วยกิจกรรมสร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจด้านความยั่งยืน เช่น โครงการ Bootcamp โครงการ IEP โครงการ DSM โครงการ IBE โครงการ The Dots โครงการ ITP
ล่าสุด โครงการ Phuket ESG Start Now มีผู้ประกอบการมากกว่า 1,000 ราย จากหลากหลายอุตสาหกรรมผ่านการอบรมการปรับตัวสู่ความยั่งยืน นอกจากนี้ ธนาคารได้นำเสนอสินเชื่อเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Financing) ดอกเบี้ยต่ำกว่าสินเชื่อทั่วไป เพื่อให้ผู้ประกอบการนำไปยกระดับการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การติดตั้งโซลาร์เซลล์ในกิจการ การจัดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า การติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน การเปลี่ยนขยะให้เป็นพลังงาน การติดตั้งระบบบำบัดน้ำเสียและบำบัดมลพิษ โดยนับตั้งแต่ปี 66 จนถึงปัจจุบัน ธนาคารอนุมัติวงเงินสินเชื่อไปจำนวนมากกว่า 3 พันล้านบาท
และธนาคารยังมีแนวคิด "อยู่ อย่าง ยั่งยืน" ซึ่งเป็นหลักปฏิบัติที่จะนำการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนให้เกิดขึ้นแก่ทุกภาคส่วน พร้อมสานต่อแนวคิดดังกล่าว โดยประกาศแนวทาง "เริ่ม เพื่อ รอด" ให้แก่ลูกค้าเอสเอ็มอีสู่การเป็นธุรกิจสีเขียวอย่างยั่งยืน โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1. โครงการสินเชื่อเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Financing) ดอกเบี้ยพิเศษ 3.99% ต่อปี
2. โครงการที่ปรึกษาทางธุรกิจ SCB SME Mentor รุ่นที่ 4 Sustainability เป็นที่ปรึกษาให้ธุรกิจเอสเอ็มอีก้าวข้ามผ่านสู่ความยั่งยืน ผนึกกำลัง 3 หน่วยงาน สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.), สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (หรือ NIA), และ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) และยังมีอีก 1 บริษัทเอกชน บริษัท แพค คอร์ปอเรชั่น จำกัด ร่วมมือกันนำความรู้ ประสบการณ์ และ เชี่ยวชาญการสร้างความยั่งยืนในธุรกิจ และ ใส่ใจดูแลสิ่งแวดล้อมให้แก่นักธุรกิจ SMEs รายอื่นๆ เพื่อร่วมวางยุทธศาสตร์การสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจ SMEs ในระยะยาว
"การปรับตัวเพื่อรับกับกระแส ESG ต้องดำเนินการควบคู่ทั้งการอบรมให้ความรู้ การให้คำปรึกษาและการช่วยเหลือทางการเงินเพื่อเสริมสภาพคล่อง ด้วยแนวทาง "เริ่ม เพื่อ รอด" จะมีส่วนสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยเพิ่มความตระหนักรู้และเข้าใจถึงแนวทางการดำเนินธุรกิจยุคใหม่ที่ต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล เอสเอ็มอีที่เริ่มก่อน มีโอกาสรอดก่อน และนำมาซึ่งโอกาสทางธุรกิจมากมาย อาทิ การเข้าถึงสินเชื่อที่มีต้นทุนทางการเงินต่ำ การส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดี การดึงดูดนักลงทุนและลูกค้ายุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับธุรกิจสีเขียว ตั้งเป้าจำนวนลูกค้าเอสเอ็มอีเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนไม่น้อยกว่า 1,000 กิจการ และสินเชื่อเพื่อความยั่งยืน ประมาณปีละ 2,000 ล้านบาท" นางพิกุล กล่าว
นอกจากนี้ยังมีการให้ทุนสนับสนุน เอสเอ็มอีเปลี่ยนสู่ความยั่งยืน เช่น การร่วมมือกับภาครัฐ ได้แก่ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) จัดแคมเปญเพื่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยสนับสนุนค่าบริการสนับสนุนด้านการ พัฒนาธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการยกระดับผู้ประกอบการอย่างยั่งยืน หรือ ESG วงเงินช่วยเหลือ อุดหนุนแบบไม่มีเงื่อนไขการชำระคืนสูงสุดรายละไม่เกิน 200,00 บาท/ปี รวมทั้งหมดไม่เกิน 500,000 บาท/นิติบุคคล