ช่วงสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์สุดท้ายที่บริษัทจดทะเบียนไทยได้ประกาศตัวเลขผลประกอบการในไตรมาส 3/67 และช่วง 9 เดือนปี 2567 ซึ่งหลายบริษัทที่ประกาศออกมาก็อาจจะสร้างทั้งความประทับใจและความผิดหวังให้แก่นักลงทุน โดยหนึ่งในกลุ่มเป็นนักลงทุนคาดหวังมากที่สุดอย่างกลุ่มปตท.
แต่ตัวเลขที่ออกมาก็สร้างความผิดหวังให้แก่นักลงทุนไม่น้อย สะท้อนจากตัวเลขไตรมาส 3/67 และช่วง 9 เดือนปี 2567 ที่กำไรสุทธิปรับตัวลดลงทั้งกลุ่มและบางบริษัทก็พลิกขาดทุน ดังนั้น ในวันนี้ทางเราจึงได้ทำการสำรวจมุมมองจากนักวิเคราะห์ถึงอนาคตของกลุ่มปตท.มานำเสนอกันในครั้งนี้
โดยเริ่มกันที่ PTT นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) คาดการณ์กำไรหลักไตรมาส 4/67 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน หลังจากค่าใช้จ่ายด้านภาษีกลับสู่ระดับปกติ แต่ยังลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล
ขณะที่ประมาณการกำไรสุทธิทั้งปี 2567 ได้ปรับลดประมาณการลง 8% มาอยู่ที่ 95,130 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้า 15% เพื่อสะท้อนผลประกอบการไตรมาส 3/67 และสะท้อนการปรับลดประมาณการกำไรของบริษัทในเครือ
อย่างไรก็ดี แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 38 บาท เนื่องจากมูลค่าหุ้นไม่แพง และกำไรจากธุรกิจก๊าซที่ไม่ผันผวนมากนัก รวมไปถึงอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่คาดว่าจะอยู่ที่ 5.6% ทั้งนี้ เมื่อมองไปข้างหน้า การลงทุนใหม่ๆจะช่วยเพิ่มการเติบโตของกาไรในระยะยาวของ PTT
PTTEP นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาดการณ์กำไรไตรมาส 4/67 จะลดลงจากช่วงเดียวกัน ตามทิศทางราคาน้ำมัน แต่จะประคองตัวจากไตรมาสก่อนหน้า ด้วยปริมาณการขายที่เร่งตัวขึ้นและต้นทุนผลิตลดลง ขณะที่ทั้งปี 2567 จะอยู่ที่ 79,056 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 3%
สำหรับคำแนะนำยังคง แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 174 บาท แม้กำไรจะผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว แต่ฐานกำไรปี 2567 –2568 ยังอยู่ระดับดี ROE ปี2567 –2568 สูงถึง 13-15% และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ย 7% ต่อปีหุ้น นอกจากนี้ ยังมีอัพไซด์ในระยะยาวจากความคืบหน้าโครงการปิโตรเลียมบริเวณพื้นที่ทับซ้อนไทยกับกัมพูชา
PTTGC นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) คาดผลประกอบการไตรมาส 4/67 จะขาดทุนน้อยลง จากช่วงเดียวกัน เพราะขาดทุนสต๊อกน้อยลง, โรงโอเลฟินส์ปิดซ่อมน้อยลงและกำลังซื้อในยุโรปที่เพิ่มขึ้น สำหรับทั้งปี 2567 จะขาดทุนอยู่ที่ 19,558 ล้านบาท จากขาดทุนสต๊อก, บันทึกด้อยค่าธุรกิจ PTTAC และการฟื้นตัวช้าของส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์
ทั้งนี้ แนะนำ “เก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย 30 บาท เนื่องจากผลประกอบการไตรมาส 3/67 เป็นจุดต่ำสุดของปี และแนวโน้มปี 2568 จะเริ่มพลิกมีกำไรตามการฟื้นของฝั่งปิโตรเคมีที่ค่าใช้จ่ายคงที่/ส่วนแบ่งขาดทุนลดลง หลัง optimize Vencorex และ PTTAC, การปิดซ่อมโอเลฟินส์ลดลง รวมถึง allnex ปริมาณขายและอัตรากำไรฟื้นต่อเนื่อง
OR นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) คาดการณ์ไตรมาส 4/67 จะพลิกกลับมาทำกำไร จากช่วงเดียวกัน หลังธุรกิจ Mobility ไม่มีขาดทุนสต๊อกก้อนใหญ่ 2.5 พันล้านบาท ชดเชยปริมาณขายน้ำมันฝั่งสถานีฯที่ลดลง และธุรกิจ Lifestyle ปริมาณขายโตตามการขยายสาขา
ส่วนกำไรสุทธิทั้งปี 2567 จะอยู่ที่ 6,575 ล้านบาท ลดลงปีก่อนหน้า 40% สะท้อนบันทึกด้อยค่าจากการปิดเท็กซัสชิคเก้น, กำไรขั้นต้นต่อลิตรที่ต่ำกว่าคาด, ยอดขายน้ำมันต่อสาขาและการขยายสาขาที่น้อยกว่าคาดจากสภาวะการแข่งขันสูง จึง แนะนำ “เก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย 17 บาท รับการฟื้นตัวในไตรมาส 4/67 และ ปี 2568
TOP นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) คาดไตรมาส 4/67 กำไรจะปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกัน ตามค่าการกลั่นที่ปรับตัวลดลง สำหรับทั้งปี 2567 ได้ปรับลดประมาณการกำไรลงเป็น 10,940 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้า 44% เพื่อสะท้อนขาดทุนสต๊อกน้ำมันก้อนใหญ่
ทั้งนี้ ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมายที่ 51 บาท หลังจากที่ราคาหุ้นได้ปรับตัวลดลงมาก ซึ่งได้สะท้อนประเด็นลบจาก CFP ไปแล้ว และด้วยแนวโน้มกำไรที่จะฟื้นตัวในไตรมาสหน้าและเมื่อ CFP เสร็จสมบูรณ์จะช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับ TOP อย่างมาก
IRPC นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (มหาชน) คาดการณ์ว่าไตรมาส 4/67 จะพลิกกลับมามีกำไรจากช่วงเดียวกันปีก่อน ขาดทุนสต๊อกน้ำมันที่ลดลง แต่อย่างไรก็ดีปรับประมาณการปี 2567 เป็นขาดทุนสุทธิ 3,400 ล้านบาท เพื่อสะท้อนผลการดําเนินงานจริงในงวด 9 เดือนปี 67 และขาดทุนสต๊อกน้ำมันจํานวนมากในไตรมาส 3/67
ทั้งนี้ แนะนํา “ถือ” ราคาเป้าหมาย 1.70 บาท เนื่องจากช่วงเวลาเลวร้ายที่สุดได้ผ่านพ้นไปแล้ว แม้ธุรกิจปิโตรเคมีจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป และจะคอยฉุดรั้งผลประกอบการและราคาหุ้นอย่างต่อเนื่อง แต่แนวโน้มที่ดีขึ้นของค่าการกลั่นจะช่วยสนับสนุนกําไรไตรมาส 4/67 และปี 2568
สุดท้าย GPSC นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) คาดกำไรไตรมาส 4/67 จะเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกัน จากฐานที่ต่ำในปีก่อน รวมถึงกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ตามเงินบาทอ่อนค่าและส่วนแบ่งกำไรดีขึ้น สำหรับประมาณการกำไรทั้งปี 2567 ที่ 4,625 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 25%
ดังนั้น แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 56 บาท เนื่องจากราคาหุ้นลงมาใกล้มูลค่าทางบัญชีอีกครั้ง มองว่าการลงทุนใน บริษัทร่วม จะดีขึ้นในไตรมาสถัดไปและปีหน้า และยังมีปัจจัยหนุนระยะยาวจากการเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าใหม่จากโครงการพลังงานหมุนเวียนทั้งในไทยและอินเดียซึ่งจะช่วยหนุนกำไรระยะยาว