เจ็บหนัก! 5 หุ้นสุดฮอต กำไรดิ่งแรง น่าผิดหวัง

ยังเกาะติดสถานการณ์ประกาศงบไตรมาส 3/2567 ของบริษัทจดทะเบียน โดยมีหลายบริษัทที่รายงานผลประกอบการออกมาดีกว่าคาด และมีหลายบริษัทเช่นกัน ที่รายงานผลประกอบการออกมาอย่างน่าผิดหวัง หนึ่งในนั้นต้องมีชื่อ 5 หุ้นสุดฮอตของนักลงทุน อย่าง HANA, OR, THG, BANPU และ KCE

โดย HANA ในไตรมาส 3/67 มีกำไรสุทธิ 406 ล้านบาท ลดลง 44% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากยอดขาย ลดลง รวมถึงการปรับมูลค่าสินค้าคงคลังของหน่วยงานในประเทศไทย จากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น อีกทั้งอัตรากำไรขั้นต้นลดลง และการเพิ่มกำลังการผลิตของหน่วยงาน IC ที่ประเทศเกาหลีใต้

ความเห็นนักวิเคราะห์นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) มองว่ากำไรปกติของ HANA ในไตรมาส 3/67 ออกมากน่าผิดหวังมาก โดยลดลง 93% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 89% จากไตรมาสก่อน มีสาเหตุมาจากยอดขายที่ลดลง อัตราการใช้กำลังการผลิตที่อยู่เกือบระดับคุ้มทุน และเงินบาทที่แข็งค่า รวมทั้งยังคงมีแนวโน้มที่ไม่แน่นอนในไตรมาส 4/67 จึงปรับลดคำแนะนำหุ้นเป็น “ขาย” จาก ซื้อ และปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 30 บาท (จาก 53 บาท)

ต่อกันที่ OR ไตรมาส 3/67 ขาดทุนสุทธิ จำนวน 1,609 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 5,170 ล้านบาท ความเห็นนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) มองกำไรดังกล่าว ต่ำกว่าตลาดคาด โดยฉุดจากด้อยค่าฯธุรกิจร้านอาหาร และ ธุรกิจ Mobility มี stock loss ก้อนใหญ่ฉุดกำไรขั้นต้นต่อลิตร

อย่างไรก็ตามคาด stock loss มีแนวโน้มลดลง ส่งผลให้กำไรขั้นต้นต่อลิตร เพิ่มขึ้น 76% จากไตรมาสก่อน และปริมาณขายทั้ง Mobility และ Lifestyle ฟื้นตัวหลังผ่านฤดูมรสุม ทำให้ไตรมาส 4/67 พลิกกลับมามีกำไร ทั้งนี้แม้ปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 17 บาท แนะนำ Trading Buy เพื่อเก็งกำไรการฟื้นในไตรมาส 4/67-2568

ส่วน THG ไตรมาส 3/2567 ขาดทุน 352 ล้านบาท เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรจำนวน 310 ล้านบาท หลังตั้งสำรองสำหรับรายได้ที่คาดว่าจะไม่ได้รับจากหน่วยงานของรัฐในการให้บริการ UCEP COVID จำนวน 284 ล้านบาท

ความเห็นนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า อยู่ระหว่างทบทวนประมาณการของ THG เพื่อรวมผลกระทบการตั้งสารองหนี้ และปรับสมมติฐานรายได้ธุรกิจโรงพยาบาลลง จากการเติบโตที่น้อยกว่าคาด จึงยังไม่แนะนำลงทุนสำหรับ THG

ขณะที่ KCE รายงานไตรมาส 3/2567 มีกำไรสุทธิ 216.3 ล้านบาท ลดลง 58% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่รายได้รวม ลดลง 12.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 

โดยความเห็นนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด มองว่ากำไรสุทธิดังกล่าว หากไม่รวมขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 169 ล้านบาท บริษัทมีกำไรปกติ 386 ล้านบาท ลดลง 18% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 27% จากไตรมาสก่อน ต่ำกว่าที่ฝ่ายวิจัยและ consensus คาด 

ทั้งนี้ปรับคำแนะนำจาก ถือ เป็น “ขาย” ที่ราคาเป้าหมาย 27 บาท เนื่องจากเชื่อว่าอุปสงค์ในกลุ่มยานยนต์อ่อนแอและน่าจะใช้เวลาฟื้นตัวมากกว่า 12 เดือน

สุดท้าย BANPU ล่าสุดไตรมาส 3/67 มีผลขาดทุนสุทธิ 829 ล้านบาท เทียบกันช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 2,083 ล้านบาท ความเห็นนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มองว่า BANPU รายงานขาดทุนสุทธิไตรมาส 3/2567 อย่างไม่คาดคิด 

โดยหากหักรายการที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงาน บริษัทจะมีขาดทุนปกติที่ 49 ล้านบาท เทียบกับกำไร 4.5 พันล้านบาทในไตรมาส 3/66 และกำไร 386 ล้านบาทในไตรมาส 2/67 โดยผลประกอบการแย่ลงทั้งช่วงเดียวกันของีก่อนและจากไตรมาสก่อน ตามราคาขายเฉลี่ยถ่านหินและก๊าซธรรมชาติ (coal and gas ASP) ที่อ่อนตัว และการรับรู้ผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน (FX loss) ก้อนใหญ่

ทั้งนี้คงประมาณการขาดทุนปกติปี 2567 ที่ -3.6 พันล้าบาท ลดลง 142% จากปีก่อน เป็นผลจาก coal and gas ASP ที่ลดลง ขณะที่ ยังมองว่าบริษัทจะกลับมารายงานกำไรปกติ 2568 ที่ 6.5 พันล้านบาท หลักๆจากค่าใช้จ่ายทางการเงินที่ลดลง แต่ปรับลดคำแนะนำเป็น “ขาย” จากเดิม “ถือ” ที่ราคาเป้าหมายเดิมปี 2567 ที่ 4.50 บาท