รายงานพิเศษ : WP อนาคตสดใสแนวโน้มเติบโต “การใช้ LPG พุ่ง-จุดกระจายสินค้า170 แห่ง”
บมจ.ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ (WP) แนวโน้มการเติบโตดีต่อเนื่อง ตามสัญญาณความต้องการใช้ก๊าซ LPG ที่ปรับเพิ่มขึ้น และบริษัทยังมีจุดกระจายสินค้าไปยังครัวเรือนมากถึง 170 แห่งทั่วประเทศ สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว
ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย รายงานดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค (CCI) เดือนต.ค.67 อยู่ที่ 56.0 ปรับตัวดีขึ้นจากระดับ 55.3 ในเดือนก.ย.67 ซึ่งเป็นการปรับตัวดีขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน เนื่องจากประชาชนคลายความกังวลจากสถานการณ์น้ำท่วม รวมทั้งการที่รัฐบาลแจกเงิน 10,000 บาท ผ่านโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจให้แก่กลุ่มเปราะบาง และผู้พิการ ทำให้การจับจ่ายใช้สอยคล่องตัวขึ้น
ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยโดยรวมอยู่ที่ 49.6 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางาน อยู่ที่ 53.5 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ 65.1 ซึ่งดัชนีทุกตัวปรับเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือนเช่นเดียวกัน เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวก จากที่การบริโภคเริ่มดีขึ้น เริ่มมีความเชื่อมั่นต่อระบบเศรษฐกิจในอนาคตที่คาดว่าจะโดดเด่นขึ้น
ขณะที่กรมธุรกิจพลังงาน เผยภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง เฉลี่ยในช่วง 9 เดือน (เดือนมกราคม - กันยายน) 2567 อยู่ที่ 155.37 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 1.2% โดยการใช้ LPG เฉลี่ยอยู่ที่ 18.74 ล้านกก./วัน เพิ่มขึ้น 3.2% ซึ่งมาจากภาคปิโตรเคมี เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 8.68 ล้านกก./วัน ภาคครัวเรือน เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 5.74 ล้านกก./วัน และภาคขนส่ง เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.32 ล้านกก./วัน มาจากการใช้ในกลุ่มรถแท็กซี่ที่ยังคงขยายตัวอยู่เป็นสำคัญ ในขณะที่การใช้ในภาคอุตสาหกรรม ลดลงมาอยู่ที่ 1.996 ล้านกก./วัน
การใช้พลังงานที่ปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่อผลงานของ บมจ.ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ (WP) สะท้อนจากผลดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมาปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ซึ่ง “ชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ระบุว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/67 บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 37.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.91 ล้านบาท คิดเป็น 51.95 % เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 24.85 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 4,847.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 343.80 ล้านบาท คิดเป็น 7.63% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 4,503.31 ล้านบาท และมี EBITDA อยู่ที่ 161.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.42 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 8.34 % เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 148.90 ล้านบาท
รายได้และกำไรที่เพิ่มขึ้น มาจากการบริหารต้นทุนและควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้น รวมถึงยอดขายก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ที่เพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมและครัวเรือน ทำให้รายได้จากการขายและบริการปรับเพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกัน โดยปริมาณการขายรวมของก๊าซ LPG ในประเทศเพิ่มขึ้นจากจำนวน 190,854 ตัน เป็น 202,974 ตัน หรือเพิ่มขึ้น 12,120 ตัน หรือคิดเป็น 6.35 % และปริมาณการขายต่างประเทศเพิ่มขึ้นจากจำนวน 7,572 ตัน เป็น 10,766 ตัน หรือเพิ่มขึ้น 42.18 %
สำหรับในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ บริษัทฯเชื่อว่า ยังมีแนวโน้มที่ดี จากภาพรวมความต้องการใช้ก๊าซ LPG ทั้งในและต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ราคาก๊าซ LPG ยังคงปรับตัวสูงขึ้นตามราคาตลาดโลก ที่สำคัญบริษัทฯ มีจุดกระจายสินค้าภาคครัวเรือนที่ครอบคลุมถึง 170 แห่งทั่วประเทศ ทำให้สามารถกระจายสินค้าได้ครอบคลุมทุกพื้นที่มากขึ้น
ทำให้มั่นใจว่ายอดขายปีนี้จะเติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 820,000 ตัน แบ่งเป็นยอดขายภายในประเทศจำนวน 790,000 ตัน และส่งออก จำนวน 30,000 ตัน ส่วนรายได้รวมคาดว่าจะแตะระดับ 18,250 ล้านบาท
"บริษัทฯ มีความมั่นใจในศักยภาพ และภาพรวมธุรกิจก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ในอนาคตว่าจะยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากผลการดำเนินงานตลอด 9 เดือนที่ผ่านมา ที่สะท้อนให้เห็นว่าบริษัทฯ สามารถดำเนินธุรกิจให้ส่วนของรายได้และกำไรอยู่ในทิศทางบวกได้ ส่งผลให้ภาพรวมในปีนี้ของกลุ่มบริษัทฯยังเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ได้”